นักฟุตบอล | ผลบอลสด บ้านผลบอล ผลบอลวันนี้ 7m 888 Livescore https://www. ผลฟุตบอลสด Livescore โปรแกรมฟุตบอล เช็คผลบอล ผลบอลออนไลน์ Thu, 09 Jul 2020 09:20:02 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.0.1 https://www./wp-content/uploads/2016/11/ไอคอน-สรุปผลบอล-150x150.png นักฟุตบอล | ผลบอลสด บ้านผลบอล ผลบอลวันนี้ 7m 888 Livescore https://www. 32 32 ย้อนรอยประวัติตำนานนักเตะระดับเวิลด์คลาส เดวิด เบ็คแฮม https://www./%e0%b9%80%e0%b8%94%e0%b8%a7%e0%b8%b4%e0%b8%94-%e0%b9%80%e0%b8%9a%e0%b9%87%e0%b8%84%e0%b9%81%e0%b8%ae%e0%b8%a1/ Thu, 09 Jul 2020 09:20:02 +0000 https://www./?p=88756 หากจะให้นึกถึงชื่อนักเตะในดวงใจสมัยเมื่อ 20 ปีก่อนเป็นค[...]

The post ย้อนรอยประวัติตำนานนักเตะระดับเวิลด์คลาส เดวิด เบ็คแฮม first appeared on ผลบอลสด บ้านผลบอล ผลบอลวันนี้ 7m 888 Livescore.]]>
ย้อนรอยประวัติตำนานนักเตะระดับเวิลด์คลาส เดวิด เบ็คแฮม

หากจะให้นึกถึงชื่อนักเตะในดวงใจสมัยเมื่อ 20 ปีก่อนเป็นคุณจะคิดนึกถึงนักฟุตบอลคนไหน? แน่นอนว่าหลายๆท่านจะต้องนึกถึงชื่อๆนี้อย่างแน่นอน เดวิด เบ็คแฮม เพชรฆาตฟรีคริกของทีมชาติอังกฤษและเป็นขวัญใจของเหล่าบรรดาสาวกปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นอกจากฝีเท้าที่เป็นเลิศในวงการฟุตบอลแล้วใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาก็ไม่เคยเป็นสองรองใครเช่นกัน โดยวันนี้เราจะพาท่านย้อนกลับไปพบกับความเป็นไปเป็นมาของเพชรฆาตน่าหล่อว่าเดิมทีเขาเป็นใครมาจากไหนก่อนบ้าง

เดวิด เบคแฮม หรือ (David Robert Joseph Beckham) OBE คือชื่อเต็มๆของเขาปีกขวาหน้าหล่อรายนี้เขาเกิดในวันที่ 2 เดือนพฤษภาคม 1975 ได้รับฉายา OBE จากการประธานเครื่องราชอสริยาภรณ์จากสมเด็จพระราชินีนาถอลิธซาเบธ ที่ 2 เขาเกิดในประเทศอังกฤษและมีสายเลือดเป็นชาวอังกฤษ 100% อดีตสโมสรฟุตบอลที่เขาเคยเล่นนั้นมีหลายสโมสรเริ่มต้นตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นเยาวชนเขาเล่นให้กับสโมสร ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ หลังจากนั้นก็ไปต่อที่ บริมสดาวน์โรเวอร์ส และเริ่มเป็นนักเตะชุดอคาเดมี่ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตั้งแต่ปี 1991 จนถึงปี 1993 ถึงได้ขยับขึ้นมาเล่นกับทีมชุดใหญ่และอยู่ยาวไปถึงปี 2003 ก็ได้ออกจากถิ่นโอลด์แทร็ฟฟอร์ดไปเล่นให้กับ เปรสตัน นอร์ทเอนท์ แบบยืมตัวก่อนที่จะขายขาดให้กับสโมสรชื่อดังในลาลีก้าอย่าง เรอัล มาดริด อยู่ที่นั่นได้เพียง 4 ปีเขาก็ย้ายไปอยู่ที่ แอลเอ กาแล็คซี่ สโมสรชั้นนำของเมเจอร์ลีกประเทศสหรัฐอเมริกาและย้ายมาอยู่กับ เอซี มิลาน อีก 2 ฤดูกาลในสัญญายืมตัวก่อนที่จะถูกขายต่อไปยังสโมสรอันดับ 1 ของลีกเอิง ฝรั่งเศส อย่าง ปารีส แซงต์ แชร์กแมง และแขวนสตัดท์ลงที่นั้น เรียกได้ว่าเป็นแข้งระดับตำนานที่ได้ลงเล่นกับสโมสรชั้นนำทั่วโลก และเขายังเป็นนักเตะคนสำคัญของทีมชาติอังกฤษโดยเขาเคยได้รับให้สวมปลอกแขนเป็นกัปตันทีมให้ทัพสิงโตคำรามมาแล้วด้วย ตามสถิติที่เคยบันทึกไว้ เดวิด แบ็คแฮม เป็นนักเตะ 1 ใน 4 ที่ลงเล่นในรายการ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มากที่สุด

เดวิด เบ็คแฮม กับสโมสร เรอัล มาดริด

เดวิด เบ็คแฮม เกิดในวันที่ 2 พฤษภาคม 1975 หรือ พศ.2518 เขาเกิดในโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยวิพพส์ครอสส์ ในมือง เลย์ตันสโตน กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤศศ มารดาผู้ให้กำเนิดเขาชื่อว่า ซานดรา จีออร์จีนา เป็นช่างเสริมสวยและพ่อของเขาชื่อว่านาย เดวิด เอดเวิร์ด อลัน หรือ เทค เบ็คแฮม ทำอาชีพเป็นพ่อครัว ปีกขาวชาวอังกฤษจบมาจากโรงเรียนชิงฟอร์ด ฟาวน์ดาทีออน จนเขาได้รับโอกาสให้ไปฝึกฟุตบอลกับสโมสรเยาวชนอย่าง ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ และต่อมาก็ย้ายไปฝึกต่อที่สโมสร เปรสตัน จนได้เข้าไปอยู่กับทีมฟุตบอลเยาวชนชุดอคาเดมี่ของสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเขาได้รับสัญญากับสโมสรแห่งนี้ในวันที่ 8 กรกฏาคม 1991 เขาคือเด็กหนุ่มที่ถูกสอนมาโดย เอริค แฮร์ริสัน อดีตนักฟุตบอลชื่อดังของอังกฤษและคือตำนานของยุคที่ปลุกปลั้นนักเตะแมนฯยูชุดอคาเดมี่ขึ้นมาจนมีชื่อเสียงโด่งดังหลายคน อาทิเช่น ไรอั้น กิ๊ก,เดวิด เบ็คแฮม,พอล สโคลส์,นิกกี้ บัตต์ ,ฟิลด์ เนวิล และ แกร์รี่ เนวิล เป็นต้นพวกเขาโตมาในชุดเยาวชนของแมนฯยูได้ก็ได้รับการฝึกมาจาก แฮร์ริสัน นอกจากนั้น เบ็คแฮม ยังได้แชมป์ฟุตบอลเอฟเอคัพ กับชุดเยาวชนนี้อีกด้วย เกมแรกที่เขาลงสนามคือการเปลี่ยนตัวลงมาในฐานะตัวสำรองของเกมลีกคัพ ฤดูกาล 1992 ก่อนที่เขาจะเส็นสัญญากับสโมสรเป็นนักฟุตบอลอาชีพในวันที่ 23 มกราคม 1993 ในปีต่อมาหลังจากการเซ็นสัญญากับปีศาจแดงเขาก็ถูกส่งตัวไปยังสโมสร เปรสตัน นอร์ทเอน ในรูปแบบของการยืมตัวโดยที่เขาก็กลีบมาเล่นให้ที่กับ แมนฯยู อีกครั้งหลังหมดสัญญายืมตัว 1 ฤดูกาล เบ็คแฮม ลงสนามเป็นตัวจริงครั้งแรกกับสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในวันที่ 2 เมษายน 1995 กับรายการลูกหนัง พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เกมดังกล่าวจบลงที่สกอร์ 0-0 แต่หลังจากนั้นผลงานของเขากับสีเสือของ ยูไนเต็ด ก็กลายเป็นที่โจทย์จรรย์จนได้รับโอกาสให้สวมหมายเลข 7 ซึ่งหมายเลข 7 คือเบอร์ในตำนานของสโมสรที่ต้องเป็นนักเตะที่มีฝีเท้าและเหมาะสมเท่านั้นถึงจะสามารถสวมหมายเลขนี้ได้ ในฤดูกาล 1998-1999 เดวิด เบ็คแฮม คว้าทริปเปิ้ลแชมป์กับ แมนฯยูไนเต็ด

เดวิด เบ็คแฮม กับสโมสร เอซี มิลาน

แต่ตามข่าวเมื่อในอดีตดูเหมือนว่าปีกขวาหน้าหยกของทัพปีศาจแดงบางทีก็ทำตัวงี่เง่าจนมีปัญหากับ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กุนซือระดับตำนานของทีมอยู่บ่อยครั้งและเหตุการณ์ล่าสุดก่อนที่ เดวิด เบ็คแฮม จะย้ายออกจากทีมเหตุการณ์เกิดขึ้นในเกมฟุตบอล เอฟเอ คัพ เจอกับ อาร์เซน่อล ในตอนนั้นสถานการณ์ของเขากับ เฟอร์กี้ ก็ไม่ค่อยจะดีกันเท่าไหร่ดันไปเกิดเหตุร้ายแรงในห้องแต่ตัวเมื่อเฟอร์กี้ดันพลาดเตะรองเท้าสตัดท์ไปโดนที่หน้าของเดวิดเต็มๆทำให้กลายมาเป็นประเด็นร้อนแรงในห้องแต่งตัวระหว่างพักครึ่งและเป็นเกมที่พวกเขาต้องแพ้คาบ้านให้กับปืนใหญ่อาร์เซน่อลไป หลังจากนั้นดูเหมือนว่า เฟอร์กูสัน เริ่มที่จะหนักใจกับ เบ็คแฮม มากขึ้นทุกทีและเขาก็เริ่มที่จะพักไม่ส่งตัวเบ็คแฮมลงสนามรวมถึงเกมในรายการ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เจอกับทาง เรอัล มาดริด และหลังจากวันนั้นก็เป็นไปตามคาดปีกขวาเลือดผู้ดีก็ตัดสินใจย้ายทีมไปร่วมงานกับทาง เรอัล มาดริด ในลาลีกา้ สเปน ด้วยสัญญา 4 ปีก่อนต่อมาเขาได้ย้ายไปอยู่กับสโมสร แอลเอ กาแล็กซี่ ในปี 2007 จนถึงปี 2012 เห็นค่าซี่งสัญญานานพอสมควรแต่ถ้าเห็นค่าเหนื่อยของเบ็คแฮมในตอนย้ายทีมไปเป็นใครๆก็ถึงกับอึ้งเพราะทางสโมสรของ แอลเอ กาแลคซี่ ทีมใหญ่ในเมเจอร์ลีกยอมจ่ายค่าเหนื่อยให้กับเบ็คแฮมมากถึง 500,000 ดอลล่าสหรัฐต่อสัปดาห์ และเขาคือตัวการที่ทำให้ประชากรของคนในประเทศสหรัฐอเมริกาเริ่มหันมาดูกีฬาฟุตบอลกันมากขึ้นแต่อย่างไรก็ตามเส้นทางในการค้าแข้งของเบ็คแฮมในอเมริกาดูเหมือนว่าจะเป็นปัญหาสำหรับเขาจนสุดท้ายเขาก็ลงเอ่ยอยู่กับทีมได้เพียงแค่ 2 ฤดูกาลก่อนที่จะถูดทางต้นสังกัดปล่อยให้ เอซี มิลาน ยืมตัวไปด้วยความที่เขามีใจรักกับฟุตบอลมาตั้งแต่เด็กทำให้เขาอยากจะกลับมาลงเล่นในลีกใหญ่ๆอีกครั้งพออยู่กับปีศาจแดง-ดำได้ 2 ฤดูกาลเขาก็ถูกทาบทามจากสโมสรในลีกเอิง ฝรั่งเศส นั่นก็คือการย้ายไปเล่นให้กับทีมอันดับ 1 ของลีกอย่าง ปารีส แซงต์ แชร์กแมง โดยในวันที่ 29 มกราคม 2013 เดวิด บินแฮม เก็บตัวฝึกซ้อมกับทางสโมสรอาร์เซน่อลจนเป็นข่าวใหญ่ว่าเขาอาจจะย้ายมาร่วมงานที่ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม แต่ทางด้านของ อาร์เซน เวนเกอร์ ก็ได้ออกมาประกาศอย่างชัดเจนเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าวพร้อมกับปกิเสธไปแล้วว่าจะไม่มีการเซ็นสัญญากันแต่อย่างใดเป็นแค่การขอมาปรับสภาพร่างกายของเบ็คแฮมเท่านั้น

เดวิด เบ็คแฮม ปารีส แซงต์ แชร์กแมง

โดยต่อมาในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ เปแอชเช ก็เปิดตัวกับเดวิด เบ็คแฮม อย่างเป็นทางการ โดยเกมแรกของปีกขวาหน้าหล่อในการคัมแบ็คกับมาคือดวลกับทางด้านของ โอลิมปิก มาร์กเซย โดยได้รับการเปลี่ยนตัวลงมาในสนามนาทีที่ 76 แล้วโดยสถิติแล้วเบ็คแฮมกลายผู้เล่นคนที่ 400 ของสโมสร ปารีส แซงต์ แชร์กแมง พร้อมกันนั้นในฤดูกาลเดียวกันเขาก็สามารถประสบความสำเร็จโดยการคว้าแชมป์ร่วมกับสโมสรเป็นครั้งแรกกับการย้ายมาอยู่ที่เปแอชเชส่วนทางสโมสรก็พึ่งจะคว้าแชมป์ลีกได้เป็นครั้งที่ 3 ต่อมาในวันที่ 16 พฤษภาคม 2013 เจ้าตัวก็ได้ออกมาประกาศอย่างเป็นทางดารเกี่ยวกับการแขวนสตัดท์สิ้นสุดอาชีพการค้าแข้งของเขาเป็นการจบลงที่สมบูร์ณแบบกับเขาและแฟนบอลของ ปารีส และในวันที่ 19 พฤษภาคม 2013 เดวิด เบ็คแฮม ทิ้งทวนกับการเป็นฟุตบอลอาชีพเกมสุดท้ายในการเจอกับทางแบรสต์ที่สนาม ปาร์ค เดส์ แพร็งส์ รังเหย้าของสโมสรปารีสสรุปแล้ว เดวิด เบ็คแฮม เป็นนักฟุตบอลที่ประสบความสำเร็จกับสโมสรอาชีพมาถึง 4 ประเทศด้วยกัน อังกฤษ ,สเปน, อิตาลี และ ฝรั่งเศส และทั้งหมดนี้ก็คือเรื่องราวของตำนานนักเตะชื่อดังของอังกฤษและของสโมสรยักษ์ใหญ่ในยุโรปที่เขาไปประสบความสำเร็จมาแล้วนับไม่ถ้วยส่วนเรื่องของเกรียติประวัตินั้นจะขอยกมาเป็นรูปภาพให้ท่านผู้อ่านได้ดูกันว่านักเตะแข้งทางรายนี้ได้ดีกรีอะไรมาบ้าง

The post ย้อนรอยประวัติตำนานนักเตะระดับเวิลด์คลาส เดวิด เบ็คแฮม first appeared on ผลบอลสด บ้านผลบอล ผลบอลวันนี้ 7m 888 Livescore.]]>
เจาะประวัติความเป็นมาของกองหน้า 5 ดาว เจมี่ วาร์ดี้ https://www./%e0%b8%81%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%ab%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b2-5-%e0%b8%94%e0%b8%b2%e0%b8%a7-%e0%b9%80%e0%b8%88%e0%b8%a1%e0%b8%b5%e0%b9%88-%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b9%8c%e0%b8%94%e0%b8%b5/ Wed, 08 Jul 2020 08:38:33 +0000 https://www./?p=88535 ในยุคเฟื่องฟูของ เลสเตอร์ ซิตี้ เชื่อว่าคงไม่มีใครที่ไม[...]

The post เจาะประวัติความเป็นมาของกองหน้า 5 ดาว เจมี่ วาร์ดี้ first appeared on ผลบอลสด บ้านผลบอล ผลบอลวันนี้ 7m 888 Livescore.]]>
เจาะประวัติความเป็นมาของกองหน้า 5 ดาว เจมี่ วาร์ดี้ ขุนพลแห่งทัพ จิ้งจอกสีน้ำเงิน

ในยุคเฟื่องฟูของ เลสเตอร์ ซิตี้ เชื่อว่าคงไม่มีใครที่ไม่รู้จักมักคุ้นกับชื่อของ เจมี่ วาร์ดี้ อย่างแน่นอนเพราะเขาคือนักเตะที่มาพร้อมกับพรสวรรค์และความสามารถในการทำประตูอย่างแท้จริงในปัจจุบัน วาร์ดี้ ยังคงทำหน้าที่เป็นแกนหลักให้กับทีมจิ้งจอกสีน้ำเงินทุกๆครั้งที่เขาเดินลงสนามเพื่อทำการฟาดแข้งนั้นเหมือนกับว่าเขานั้นเป็นความหวังสำหรับแฟนบอล นักฟุตบอลที่เติมโตมาด้วยความยากจนเขาต้องฝีกฝนมาอย่างหนักเพื่อมาถึงจุดๆหนึ่งที่เรียกว่าความสำเร็จ เมื่อไหร่ก็ตามที่เขามองไปยังข้างหน้าเป้าหมายเดียวของวาร์ดี้คือการทำประตูให้กับทีมเขาเป็นนักเตะที่มีพลังงานเหลือล้นมากๆและมีร่างกายที่สมบูร์ณแบบเราจะไม่ค่อยได้เห็นว่าเขานั้นมีอาการบาดเจ็บรบกวนสักเท่าไหร่ถึงจะมีแต่ก็พักฟื้นร่างกายและหายกลับมาได้อย่างรวดเร็ว เป็นกองหน้าที่มีความเร็วสูงและสถิติการทำประตูจัดว่าคมมากๆแต่กว่าจะมาได้ไกลถึงขนาดนี้อยากจะพาท่านที่ชื่นชอบในฝีเท้าของศูนย์หน้าจรวดทางเรียบย้อนรอยกลับไปส่องประวัติความเป็นไปเป็นมาของเขากันดูเพื่อที่จะได้รู้จักกับเขามากยิ่งขึ้น

เจมี่ วาร์ดี้ เกิดและเติบโตที่ เชฟฟิลด์ เซาท์ ยอร์คเชีย ประเทศอังกฤษ วันที่ 11 มกราคม 1987 เป็นวันเกิดของเขา ครอบครัวของวาร์ดี้ไม่ได้เป็นครอบครัวที่มั่งมีเหมือนกับคนอื่นพ่อของเขายังคงทำงานอยู่ในไซต์งานก่อสร้างทำหน้าที่เป็นคนดูแลเครนแต่แม่ของเขาถือว่ายังพอมีอาชีพการงานที่ดีกว่าพ่อของเขาขึ้นมาหน่อยนั่นคือการเป็นทนายความแต่ว่าด้วยภาระมากมายในครอบครัวสองพ่อแม่ไม่มีเงินพอที่จะส่งเงินให้กับวาร์ดี้เพื่อเราเรียนให้จบในชั้นปริญญาตรีแต่ทว่าด้วยความทะเยอทะยานและเป็นคนขยันเขาจึงตัดสินใจไปทำงานในโรงงานทำขาเทียมเพื่อหาเงินมาส่งให้ตัวเองเรียนเพื่อแบ่งเบาภาระของครอบครัวทั้งๆที่ในสถานที่การทำงานของเขานั้นเต็มไปด้วยความเสี่ยงมากมายไม่ว่าจะเป็นสารเคมีต่างๆหรือว่าเครื่องจักรที่เขาต้องทำงานควบคู่กับมันก็ถือว่ามีความอันตรายอย่างมากสำหรับเด็กคนหนึ่ง แต่สิ่งหนึ่งที่เจมี่ชื่นชอบมาตลอดนั่นก็คือการเล่นฟุตบอลเขามีความฝันเหมือนกับเด็กคนอื่นๆฟุตบอลเป็นเสมือนชีวิตจิตใจของเขาการเล่นฟุตบอลทำให้เขารู้สึกมีความสุขเมื่อว่างเว้นจากการทำงานเขาก็จะพยายามหาเวลาไปเตะฟุตบอลอยู่เสมอ จนกระทั่งเรื่องราวชีวิตของเขาก็เริ่มเข้าสู่การเล่นเป็นนักฟุตบอล

เจมี่ วาร์ดี้

กองหน้าชาวอังกฤษอย่าง วาร์ดี้ เริ่มออกเดินทางตามสายฟุตบอลเมื่อเข้าสู่ช่วงชีวิตวัยรุ่นโดยเขาได้ไปอยู่กับสโมสร เชฟฟิลด์เวนส์เดย์ ในชุดเยาวชนแต่เขาพออายุได้ 16 ปีเขาก็ย้ายออกจากชายคาของเชฟฟิลด์และไปร่วมทีมฟุตบอลนอกลีกอย่าง สต๊อคบริดจ์-พาร์ค สตีลล์ และเขาใช้เวลาไปสักระยะกับสโมสรแห่งนี้ จนในปี 2007 การทำทีมของ แกรี่ มาร์โรว์ ทำให้เขาได้รับค่าเหนื่อยเป็น 30 ปอนด์ต่อสัปดาห์แต่นั้นก็ยังไม่เพียงพอต่อการเลี้ยงชีพและครอบครัวของเขาทำให้วาร์ดีต้องวนกลับมาทำงานที่โรงงานขาเทียบควบคู่ไปกับการเล่นฟุตบอลต่อมาอีก 2 ปีเจ้าจรวดทางเลียบรายนี้ก็ตัดสินใจที่จะไปคัดตัวกับสโมสรอย่าง ครูว์ อเล็กซานดร้า แต่ดูเหมือนว่าโชคชะตาจะไม่นำพาให้เขาไปยืนอยู่ในจุดๆนั้นเพราะเขาถูก ครูว์ ปฏิเสธฝีเท้าและตัวเขาเองก็พลาดที่ปฎิเสธสัญญากับสโมสรอาชีพอย่าง ร็อตเตอร์แฮม ไปแล้วด้วยทำให้ในปีนั้นเขาก็ยังไม่ได้เป็นนักฟุตบอลอย่างจริงจังสักทีและปีต่อมา นีล แอสปิน กุนซือของสโมสร ฮาลิเฟกซ์ ทาวน์ ที่สนใจในฝีเท้าของวาร์ดี้จนทั้งสองได้ตกลงทำสัญญาแล้วย้ายมาอยู่ด้วยกันโดยค่าตัวของ วาร์ดี้ ในตอนนั้นอยู่ที่ 15,000 ปอนด์เท่านั้นเอง

ก้าวแรกกับสโมสรฟุตบอลในระดับอาชีพของเจมี่วาร์ดี้กับสีเสือของ ฮาลิเฟกซ์ ในฤดูกาลแรกที่เขาย้ายเขามาก็ได้สร้างหน้าตาให้กับตัวเองก็การเป็นดาวซัลโวของทีมโดยวัดไปทั้งสิ้น 26 ประตูในเกมลีกและเขาก็กลายเป็นผู้เล่นคนสำคัญของทีมที่ช่วยทำให้สโมสรสามารถเลื่อนชั้นขึ้นมาสู่ นอร์เทิร์น พรีเมียร์ลีก ดิวิชั่นที่เหนือกว่าที่เขาลงเล่นตั้งแต่แรกแต่สุดท้ายเขาก็หนีไม่พ้นสายตาเหยี่ยวของบรรดาสเกาท์ที่มองหานักเตะมากฝีมือเพื่อดึงตัวเข้าทีมในปี 2011-2012 เขาก็ถูกทางด้านของสโมสร ฟลีตวู๊ด ทาวน์ ดึงตัวไปร่วมทีมแต่ไม่สามารถรู้ถึงข้อมูลค่าตัวของวาร์ดี้ได้ ฟลีตวู๊ด ทาวน์ ขณะนั้นยังลงเล่นอยู่ในรายการ คอนฟาเรนซ์ พรีเมียร์ เพียงฤดูกาลเดียวที่วาร์ดี้ย้ายไปเขาก็สามารถถล่มประตูคู่แข่งได้มากมายโดยเขาซัดประตูไปทั้งหมด 34 ประตูจากการลงเล่น 42 นัดจัดว่าเป็นฟอร์มที่โหดมากสำหรับกองหน้าที่พึ่งย้ายเข้ามาได้เพียงแค่ปีเดียวทำให้แมวมองของทาง เลสเตอร์ ซิตี้ เริ่มที่จะเห็นแววของเขาและไม่นานทั้งสองก็ได้ร่วมงานกันจนได้ เลสเตอร์ ซิตี้ ตัดสินใจใช้เงินจำนวน 1 ล้านปอนด์ทำลายสถิติลีกที่ว่าดีเล่นอยู่เพื่อขอกองหน้าโรงงานขาเทียมมาร่วมทีมแต่การมาของเขาในปีแรกของภายใต้สีเสือจิ้งจอกสยามผลงานยังไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่เขาทำไปได้เพียงแค่ 3 ประตูจาก 4 เกมแรกเท่านั้นและเขาก็ใช้เวลาในการปรับตัวกับการอาศัยอยู่ที่คิงพาวเวอร์สเตเดี้ยมได้ไม่นานผลงานก็กระเตื้องขึ้นมาอย่างรวดเร็วโดยในฤดูกาลที่สองเขาลงสนามให้กับเลสเตอร์ไปในรายการเดอะแชมเปี้ยนชิพไป 41 นัดซัดไป 16 ประตูพร้อมกับพาทีมเลื่อนชั้นขึ้นสู่ลีกสูงสุดอย่าง พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ได้สำเร็จและเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปีของจิ้งจอกสยาม

Leicester City v Everton - Premier League

เส้นทางของวาร์ดี้กับการเลื่อนชั้นขึ้นสู่รายการพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ในฤดูกาลแรกของเขากับทีมต้องเจอกับปัญหาการปรับตัวอยู่บนตารางคะแนนอย่างหนักเนื่องจากมาตราฐานการแข่งขันในพรีเมียร์นั้นค่อนข้างที่จะโหดกว่าลีกรองที่พวกเขาพึ่งขยับขึ้นมาอยู่หลายเท่าตัวและตอนนั้นผู้จัดการทีมของเลสเตอร์ยังคงเป็นทางด้านของ ไนเจล เพียร์สัน แต่หลังจากที่ผลงานในฤดูกาลแรกจบลงไนเจลก็ถูกบอร์ดบริหารปลดออกจากตำแหน่งและถูกแทนที่ด้วย เคลาดิโอ รานิเอรี่ กุนซือชาวอิตาลี่ที่มีประสบการณ์ในการทำทีมค่อนข้างสูงแต่การมาของเขาก็ได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากแฟนบอลไปในทางลบอยู่เยอะเหมือนกันแต่หลังจากที่เขาเข้ามาทำงานดูเหมือนว่าแฟนบอลของพวกเขาจะต้องลบคำสบประมาทที่มีต่อ รานิเอรี่ ออกไปและต่อมา วาร์ดี้ ก็สร้างสถิติในหน้าประวัติศาสตร์ของฟุตบอลอังกฤษขึ้นมาใหม่โดยที่สถิติเก่าที่เคยทำไว้เป็นทางด้านของ รุด ฟานนิสเตลรอย ที่ลงสนามในพรีเมียร์ลีกไป 10 นัดซัดประตูได้ตลอด แต่ของว่าดีทำได้ดีกว่าโดยการล่าตาข่ายไป 11 นัดติดต่อกันของรายการ EPL ทำให้สื่อต่างพากันงงงวยกับฟอร์มการเล่นของกองหน้าเลือดผู้ดีรายนี้ไปตามๆกันต่อด้วยการถูกเรียกตัวไปรับใช้ทีมชาติอังกฤษในเกมที่เจอกับทาง ไอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน เขาทำประตูแรกให้กับทีมชาติได้ในนัดที่เจอกับทางทีมชาติเยอรมันในเกมอุ่นเครื่องและยังเป็นลูกยิงสุดสวยงามในเกมนั้น พร้อมกับการกระหน่ำทำประตูในลีกไป 22 ประตูจนได้รับเสียงโหวดจากสมาคมนักข่าวจนได้รางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของสื่อ พร้อมกันนั้นในฤดูเดียวกันเขาก็สามารถพาแฟนบอลไปถึงฝั่งฝันได้อย่างน่าเหลือเชื่อเหมือนกับนิยายที่ถูกเขียนขึ้นเลยก็ว่าได้จากทีมที่โตมาจากเดอะแชมป์เปี้ยนชิพได้เพียงแค่ฤดูกาลก็สามารถผ่านด่านการเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกอังกฤษได้วาร์ดี้กลายเป็นสัญลักษณ์ของจิ้งจอกสยามไปโดยปริยายและในเกมสุดท้ายเขากลับมายิงปิดท้ายได้อีก 2 ประตูเพิ่มเติมย้ำชัยชนะเหนือเอฟเวอร์ตันและคว้าแชมป์ไปครอง ส่วนผลงานในระดับบอลถ้วยยุโรป วาร์ดี้ ก็ยังคงเป็นแกนหลักสำคัญที่ทำให้จิ้งจอกสยามไปไกลถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายและในปี 2018 เขาก็ได้ประกาศอำลาจากการลงเล่นให้กับทีมชาติและมุ่งน่าเพื่อพัฒนาฝีเท้าในรายการเกมลีกกับสโมสร เลสเตอร์ ซิตี้ เท่านั้น นอกจากนั้นกองหน้าโรงงานขาเทียมยังทำลายสถิติเก่าของดาวยิงประจำเลสเตอร์อย่าง แกรี่ ลินิเกอร์ ที่ทำประตูสูงสุดให้กับทีมไว้อยู่ 103 ประตูแต่เขากลับยิงไปได้แล้ว 107 ประตูสถิตินับสิ้นสุดที่ฤดูกาล 2018-19

และทั้งหมดนี้ก็คื่อเรื่องราวของเด็กยากจนคนหนึ่งที่ไต่เต้าจนได้เข้ามาเป็นสุดยอดกองหน้าและตามหาความสำเร็จสูงสุดในอาชีพได้อย่างสมบูรณ์แบบ เจมี่ วาร์ดี้ ชื่อนี้การันตีความไวและความแม่นยำของการทำประตู

The post เจาะประวัติความเป็นมาของกองหน้า 5 ดาว เจมี่ วาร์ดี้ first appeared on ผลบอลสด บ้านผลบอล ผลบอลวันนี้ 7m 888 Livescore.]]>
มนุษย์ต่างดาว ลิโอเนล อันเดรส เมสซี่ (Lionel Andres Messi) https://www./%e0%b8%a1%e0%b8%99%e0%b8%b8%e0%b8%a9%e0%b8%a2%e0%b9%8c%e0%b8%95%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b8%87%e0%b8%94%e0%b8%b2%e0%b8%a7-%e0%b9%80%e0%b8%a1%e0%b8%aa%e0%b8%8b%e0%b8%b5%e0%b9%88/ Thu, 14 May 2020 06:56:58 +0000 https://www./?p=82277 ลิโอเนล อันเดรส เมสซี่ เกิดเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 1987[...]

The post มนุษย์ต่างดาว ลิโอเนล อันเดรส เมสซี่ (Lionel Andres Messi) first appeared on ผลบอลสด บ้านผลบอล ผลบอลวันนี้ 7m 888 Livescore.]]>
มนุษย์ต่างดาว ลิโอเนล อันเดรส เมสซี่ (Lionel Andres Messi)

ลิโอเนล อันเดรส เมสซี่ เกิดเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 1987 ในแคว้นซานตาเฟ่ ที่เมืองโรซาริโอ ประเทศอาร์เจนนา เขาเริ่มต้นเล่นฟุตบอลตั้งแต่อายุแค่เพียง 5 ขวบ โดยเข้าไปอยู่ในสโมสรเล็กๆที่ชื่อว่า กรานโดลี่ ซึ่งมีคุณพ่อของเขาเป็นโค้ชให้ ต่อมาในปี 1995 เจ้าตัวได้เลื่อนขึ้นไปอยู่กับสโมสรที่ใหญ่กว่าและเป็นสโมสรในระดับสูงสุดของอาร์เจนตินา ชื่อว่า นีเวลล์ส โอลด์ บอยส์ หลังจากนั้นเขาก็ได้เริ่มเก็บเกี่ยววิชา เทคนิคฟุตบอลที่เข้มข้นมาเรื่อยๆ

แต่ทว่าการเอาดีด้านฟุตบอลของเขาไม่ได้เป็นไปในทางที่ราบรื่น เมื่ออายุได้ 11 ปี เมสซี่ เมสซี่เกิดภาวะขาดฮอร์โมนการเจริญเติบโต ทำให้รูปร่างและความสูงของเขาเล็กกว่าปกติ จนทำให้เขาเกือบอดที่จะไปในสนามค้าแข้ง แต่ฝีเท้าอันร้อนฉ่าของเขาไปเตะตา การ์เลส เรซัค ผู้อำนวยการด้านกีฬาของบาร์เซโลน่า จากสเปน จึงได้ขอซื้อตัว เมสซี่ พร้อมยินดีที่จะจ่ายเงินค่ารักษา หลังจากนั้นเจ้าตัวและครอบครัวก็ได้ย้ายถิ่นฐานไปอยู่ที่สเปน เพื่อฝึกฝนและเก็บประสบการณ์อย่าจริงจังในฐานะ สมาชิกทีมเยาวชนของบาร์เซโลน่า

ลิโอเนล อันเดรส เมสซี่ เกิดเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 1987

จากนั้นในเวลาไม่นาน เมสซี่ ก็ได้ก้าวขึ้นแท่นเป็นด่าวเด่นประจำทีมเยาวชนบาร์เซโลน่า และได้เข้ามาสู่ทีม บาร์เซโลน่า บี ในเวลาถัดมา พร้อมทั้งแสดงศักยภาพและทำผลงานได้ดีเรื่อยมา จนถึงปลายฤดูกาล 2004 เขาได้รับโอกาสในการเข้ามาอยู่กับทีมชุดใหญ่ของบาร์เซโลน่า เมสซี่ ถือเป็นนักเตะที่มีอายุน้อยที่สุดในทีม ด้วยวัย 17 ปี เท่านั้น เมสซี่ เลือกที่จะปฏิเสธเข้าร่วมทีมชาติสเปน เพื่อเขาจะกลับไปรับใช้ชาติที่อาร์เจนตินา เมสซี่ ได้สร้างประวัติลูกหนังที่วงการฟุตบอลต้องจดจำและจารึกไว้จนวันตาย เขายิง 6 ประตูรวด นำพากองทัพฟ้า-ขาว ครอบครองแชมป์สึกลูกหนังรุ่นเยาวชนไปได้อย่างสวยหรู พร้อมกับคว้าตำแหน่งยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์มาครอไว้ได้ หลังจากนั้นเขาก็ได้มอบหมายหน้าที่ให้รับใช้ทั้ง บาร์เซโลน่า และ ทีมชาติอาร์เจนตินา ในตำแหน่งนักเตะชุดใหญ่ในที่สุด

ลิโอเนล เมสซี่ ไม่เพียงแต่สร้างตำนานให้วงการฟุตบอลเท่านั้น แต่ยังมีประประวัติศาสตร์ที่น่าจดจำให้วงการลูกหนังต้องระทึกอีก ในศึกการแข่งขันชิงถ้วยประจำปีของฟุตบอลสเปน โกปาเดลเรย์ 2007 เมื่อเขายิงประตูในตำแหน่งระยะเดียวกันกับ มาราโดนา ที่เคยทำไว้ หลบจำนวนทีมคู่แข่งเท่ากัน (6คน) และยังทำประตูได้ในตำแหน่งที่ใกล้เคียงกันมาก อีกทั้งยังวิ่งไปที่ธงมุมสนาม เหมือนอย่างที่ ดิเอโก้ มาราโดน่า อดีตตำนานแข่งแห่งทัพฟ้า-ขาว เคยทำเอาไว้ในปี 1986 ในนัดที่ลงสนามแข่งขันกับทีมชาติอังกฤษ ที่เม็กซิโก จนลูกที่เข้าไปตุงตาข่ายลูกนั้นถูกขนานนามว่า “ประตูแห่งประวัติศาสตร์” ด้วยสไตล์และฟอร์มการเล่นที่สามรถแทบเทียบชั้น “หัตถ์พระเท้า” ทำให้สื่อจากทั่วโลกต่างพากันชื่นชม เมสซี่ ในฐานะ “มาราโดน่าโฉมใหม่” รวมไปถึงสื่อในสเปนที่ตั้งฉายาให้กับเขาว่า “เมสซี่โดน่า”

ประวัติการค้าแข้ง

เมสซี่ ในฐานะ มาราโดน่าโฉมใหม่

1995 – 2000 : นักเตะฝึกหัดของสโมสร นีเวลล์ส โอลด์ บอยส์

2000 – 2004 : นักเตะฝึกหัดของสโมสร บาร์เซโลน่า

2004 – ปัจจุบัน : สโมสรบาร์เซโลน่า

2005 – ปัจจุบัน : ทีมชาติอาร์เจนตินา

ครอบครัวและรากฐานที่แสนอบอุ่น

ลิโอเนล เมสซี่ เป็นบุตรชายคนสุดท้องในจำนาวพี่น้องทั้งหมด 4 คน (พี่ชาย 2 พี่สาว 1) นายคอร์เค โอราเซียว เมสซี่ พนักงานโรงงาน และนางเซเลีย มารีอา กุกซิตตีนี พนักงานทำความสะอาดนอกเวลา โดยทางครอบครัวฝ่ายบิดาได้อพยพมาจากอิตาลี แม้จะเกิดในอาร์เจนตินา แต่เมสซี่และครอบครัวก็ได้ย้ายไปปลักหลักที่ประเทศสเปน กลังจากที่เขาได้ตอบตกลงสัญญาของสโมสรบาร์เซโลน่า ทำให้จนถึงปัจจุบันนี้ เมสซี่ อยู่อาศัยในสเปนมายาวนานเทียบเท่ากับช่วงชีวิตที่เขาใช้ในบ้านเกิดของตัวเองแล้ว

เมสซี่ พูดภาษาสเปนในสำเนียงชาวโรซาริโอ แต่ยังคงกลับไปเยี่ยมบ้านเกิดอยู่บ่อยๆ เจ้าตัวยังคงติดต่อกับเพื่อนๆในโรซาริโอ ด้วยการส่งข้อความ Direct หา และพูดคุยทางโทรศัพท์เป็นครั้งคราว เขายังคงเก็บรักษาบ้านเก่าที่โรซาริโอเอาไว้ ถึงแม้ว่าจะไม่มีคนอยู่อาศัยก็ตาม

ความสัมพัธ์ระหว่างคนในครอบครัวของเมสซี่ ถือว่าอบอุ่นดูแลกันเป็นอย่างดี ในช่วงที่เขากลับมาฝึกซ้อมที่อาร์เจนตินา เขายอมลงทุนเดินทางไป-กลับ เที่ยวละ 3 ชั่วโมง จากสนามซ้อมในกรุงบัวโนสไอเรส เพื่อกลับมารับประทานอาหารร่วมกับครอบครัวในโรซาริโอ อยู่ค้างคืนที่นั่นและออกเดินทาง 3 ชั่วโมง ตั้งแต่เพื่อไปฝึกซ้อมอีกครั้ง

ลิโอเนล เมสซี่ มีลูกพี่ลูกน้องอีก 2 คน ที่ค้าแข้งอยู่ในวงการลูกหนังเช่นเดียวกัน คือ มักซี เบียนกุชชี ผู้เล่นจากทีมโอลิมเปีย ของปารากวัย ยืนตำแหน่งปีก และ เอมานูแอล เบียนกุชชี ยืนตำแหน่งมิดฟิลด์ ของอินดิเพนเดนท์ ฟุตบอลคลับ ของปารากวัยเหมือนกัน

แฟนสาวและลูกชาย เมสซี่จูเนียร์

แฟนสาวและลูกชาย เมสซี่จูเนียร์

ลิโอเนล เมสซี่ เคยคบหากับ มาซาเรน่า เลมอส สาวสวยจากโรซาริโอ ในบ้านเกิดประเทศเดียวกัน โดยได้รับการแนะนำให้รู้จักกันผ่านทางพ่อของฝ่ายหญิง ในช่วงเวลาที่เขาได้รับบาดเจ็บจนต้องกลับมาพักฟื้นรักษาตัวที่บ้านเกิด เพียงไม่กี่วันก่อนการแข่งขันฟุตบอลโลก 2006 จะมาถึง หลังจากนั้นในปี 2009 จ้าตัวก็มีข่าวฉาวว่าแอบกิ๊กกับนางแบบชาวอาร์เจนตินา ลูเซียนา ซาลาซาร์

ต่อมา ลิโอเนล เมสซี่ ได้พบกับแฟนสาวคนปัจจุบัน อันโตเนลลา รอซซาริโอ ในงานคาร์นิวาล ที่เมืองซิทเจสของบาร์เซโลน่า ประเทศสเปน โดยที่ฝ่ายหญิงมีพื้นฐานมาจากบ้านเกิดเดียวกันกับเมสซี่ หลังจากนั้นในวันที่ 2 มิถุนายน 2012 หลังจากที่ทีมชาติอาร์เจนตินาคว้าชัยชนะเหนือ ทีมชาติเอกวาดอร์ 1-0 ประตู นัดคัดเลือกเข้าแข่งขันฟุตบอลโลก 2014 เมสซี่ ได้นำลูกบอลยัดเข้าไปในเสื้อและประกาศว่าข่าวดีว่า ภรรยาของเข้าได้ตั้งครรภ์ได้ 3 เดือนแล้ว วันที่ 2 พฤศจิกายน 2012 เมาซี่ได้กลายเป็นคคุณพ่อมือใหม่อย่างเต็มตัวของลูกชายตัวน้อยที่ชื่อว่า ติอาโก เมสซี่ โดยล่าสุดภรยาของเขาได้อุ้มลูกชายตัวน้อยของเขาไปให้กำลังสามีถึงขอบสนาม ในนัดที่ เนเธอร์แลนด์ เจอกับ อาร์เจนติน่า ศึกฟุตบอลโลก 2014 ที่ผ่านพ้นมานี้

ลิโอเนล เมสซี่ กับทีมชาติอาร์เจนตินา

แม้ว่าชัยชนะจะยังไม่ตกอยู่ในมือของอาร์เจนตินา แต่ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ บวกกับพรสวรรค์ของ ลิโอเนล เมสซี่ รวมไปถึงทีมเวิร์กที่ดี เชื่อว่าจะช่วยเป้นแรงผลักดันให้ เมสซี่ ได้สมหวังได้ในฟุตบอลโลกครั้งต่อๆไปอย่างแน่นอน

The post มนุษย์ต่างดาว ลิโอเนล อันเดรส เมสซี่ (Lionel Andres Messi) first appeared on ผลบอลสด บ้านผลบอล ผลบอลวันนี้ 7m 888 Livescore.]]>
เมสซีแห่งอียิปต์ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (Mohamed Salah) https://www./%e0%b9%80%e0%b8%a1%e0%b8%aa%e0%b8%8b%e0%b8%b5%e0%b9%81%e0%b8%ab%e0%b9%88%e0%b8%87%e0%b8%ad%e0%b8%b5%e0%b8%a2%e0%b8%b4%e0%b8%9b%e0%b8%95%e0%b9%8c-%e0%b8%8b%e0%b8%b2%e0%b8%a5%e0%b8%b2%e0%b8%ab%e0%b9%8c/ Tue, 12 May 2020 04:57:01 +0000 https://www./?p=82106 โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เกิดเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 1992 เกิดท[...]

The post เมสซีแห่งอียิปต์ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (Mohamed Salah) first appeared on ผลบอลสด บ้านผลบอล ผลบอลวันนี้ 7m 888 Livescore.]]>
เมสซีแห่งอียิปต์ โมฮาเหม็ด ซาลาห์

โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เกิดเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 1992 เกิดที่บาสยูน ประเทศอียิปต์ สัญชาติอียิปต์ ส่วนสูง 175 เซนติเมตร เขาเริ่มเล่นฟุตบอลครั้งแรกให้กับชุดเยาวชนของ เอล โมคารูน ทีมในลีกของประเทศอียิปต์ ก่อนที่เจ้าตัวจะแสดงฟอร์มที่ร้อนแรงออกมาอยู่เรื่อยๆจนเป็นที่เตะตาของแมวมองของทีม บาเซิ่ล ยอดทีมจากสวิตเซอร์แลนด์ หลังจากนั้นเจ้าตัวก็ได้โชว์ฟอร์มการเล่นที่เด็ดดวงสะเดาจนไปเข้าตาหลายๆทีม จึงทำให้ในช่วงนั้นเขาย้ายไปเล่นในหลายๆลีกและหลายทีมด้วยกัน โดยปัจจุบัน โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ได้กลายเป็นนักเตะคนสำคัญของ ลิเวอร์พูล สโมสรยักษ์ใหญ่ของพรีเมียร์ลีก อังกฤษ

เอล โมคารูน (2006/2012)

ซาลาห์ ได้กักตัวฝึกสกิลการเล่นในทีมชุดเยาวชนของเอล โมคารูน

หลังจากที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ได้กักตัวฝึกสกิลการเล่นในทีมชุดเยาวชนของเอล โมคารูน นานถึง 4 ปี ในที่สุดความพยายามของเขาส่งผลให้เขาได้โลดแล่นเล่นบนลีกสูงสุด เขาลงประเดิมสนามในวันที่ 3 มิถุนายน 2010 โดยลงเล่นเป็นตัวสำรองในเกมที่เสมอกับ เอล มันซูร่า 1-1 ประตู จากการลงสนามในแมตย์นั้น เจ้าตัวก็ได้รับโอกาสในการลงเล่นมากขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดเจ้าตัวก็สามารถซัดประตูแรกในเกมลีกได้สำเร็จ

ฤดูกาล 2011-2012 หลังจากที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ได้รับความไว้วางใจให้ลงสนามเล่นเป็นตัวจริงมาอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่เขาโชว์เพลงแข้งได้อย่างนาาประทับใจนั้น เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็ได้เกิดขึ้น เมื่อมีแฟนบอลในสนามเกิดการดฃก่อเหตุทะเลาะวิวาทครั้งใหญ่จนเป็นเหตุที่ทำให้มียอดผู้เสียชัวิตจากเหตุการณ์ครั้งนั้นถึง 74 ราย และบาดเจ็บกันระนาวถึง 500 คน ส่งผลให้สมาคมฟุตบอลอียิปต์ยกเลิกการแข่งขันทั้งหมดในฤดูกาลนั้น

บาเซิ่ล (2012/13)

โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ได้เซ็นสัญญากับบาเซิ่ล

หลังจากเกิดเหตุดังกล่าวสิ้นสุดลง บาเซิ่ล จาก ศึกสวิต ซูเปอร์ลีก เดินทางมาเตะนัดอุ่นเครื่องกับทีมชาติอียิปต์ ชุดยู-23 ซึ่งไปประจวบเหมาะกับที่ว่า โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ก็ลงเล่นในชุดนี้ด้วย โดยที่เจ้าตัวได้ลงสนามเตะในช่วงครึ่งหลัง และโชว์ฟอร์มขั้นเทพซัดไปถึง 2 ตุงเหมาหมดคนเดียว ซึ่งหลังจบเกมเป็นทีมชาติอียิปต์ ชุดยู-23 เป็นฝ่ายเอาชนะไปอย่างฉิวเฉียดที่สกอร์ 4-3 ประตู หลังจบเกมทางบอร์ดบริหารของ บาเซิ่ล ไม่รอช้าที่จะคว้าตัวนักเตะดาวรุ่งเพชรเม็ดงามนี้ไปครองทันที และได้ทำการประกาศแถลงข่าวในวันที่ 10 เมษายน 2012 ว่าด้วยการที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ได้เซ็นสัญญาระยะยาวถึง 4 ปี

วันที่ 23 มิถุนายน 2012 ซาลาห์ เบิกสกอร์แรกให้กับตัวเอง ในช่วงทัวร์ปรีซีซั่นด้วยการยิงประตูใส่ สเตอัว บูคาเรสต์ ซึ่งเกมที่เป็นทางการสำหรับปีกตัวจี๊ดสัญชาติอียิปต์ คือการได้ลงสนามเล่นในถ้วยหูใหญ่ หรือ ยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก รอบคัดเลือกในการปะทะศึกกับ โมลด์ จากลีกนอร์เวย์ ในแมตย์นั้นเขาได้ลงเล่นในตำแหน่งตัวสำรอง หลังจากนั้นเขาก็ได้รับโอกาสลงสนามเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เหมือนตอนที่ได้ค้าแข้งในประเทศบ้านเกิดของเขา ด้วยศักยภาพของขุมกำลังในทีมที่ยังสู้ใครไม่ได้นัก จึงทำให้พวกเขาตกรอบในบอลยุโรปในการพ่ายแพ้ต่อ เชลซี ไปด้วยสกอร์รวม 2-5 ประตู ส่วนผลลัพธ์ในลีกก็ยังคงเป็นที่น่าประทับใจอยู่เสมอ จากการที่พวกเขาคว้าแชมป์ลีกมาครองได้นั่นเอง
ฤดูกาล 2013/14

โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เริ่มต้นฤดูกาลใหม่ด้วยการคว้าแชมป์อูเรน คัพ โดยในศึกนั้นเป็นการพบกันของแชมป์ลีกและแชมป์บอลถ้วย ตั้งแต่เริ่มสตาร์ทซีซั่นใหม่ ผลงานส่วนตัวโดยรวมของเขาค่อนข้างดี นอกจากจะยิงประตูใส่ทีมในลีกได้แล้วยังผลิตสกอร์ในถ้วยยุโรปได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ แต่ดันมีปัญหาเกิดขึ้นกับการไปเยือน มัคคาดี้ เทล อาวีฟ ทีมจากอิสราเอล ที่ซาลาห์ไม่ได้จับมือกับผู้เล่นในรังเนื่องจากปัญหาเรื่องเชื้อชาติที่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ซาลาห์ โดนตำหนิและถูกจับตามองจนต้นสังกัดของเขาต้องเรียกตัวมาปรับทัศนคติและความเข้าใจ ในท้ายที่สุดปัญหาเรื่องนี้ก็จบลงด้วยดี

ผลงานเด่นๆของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ดันเป็นการโชว์ฟอร์มในถ้วยแชมป์เปี้ยนส์ ลีก จึงทำให้ลีลาการเล่นของเขาเข้าตาทีมยักษ์ใหญ่ของยุโรปอย่าง เชลซี จากพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่จ้องหมายปองจะฉกดาวเด่นอียิปต์รายนี้ไปร่วมทีม

เชลซี (2013/14)

เชลซี ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่าทีมปิดดีล โมฮาเหม็ด ซาลาห์

วันที 26 มกราคม 2014 เชลซี ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่าทีมปิดดีล โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ด้วยค่าตัวประมาณราวๆ 11 ล้านปอนด์ (ประมาณ 478 ล้านบาท) และถือว่าเป็นนักเตะสัญชาติอียิปต์รายแรกที่ย้ายเข้ามาร่วมทมเชลซี เขาเริ่มลงสนามประเดิมแมตย์แรกในวันที่ 8 กุมภาพันธื 2014 เกมที่เอาชนะน นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ไปแบบขาดลอย 3-0 ประตู ก่อนที่เจ้าตัวจะยิงประตูแรกได้ด้วยการลงมาเล่นเป็นตำสำรองแทนที่ของออสการ์ ในศึก ลอนดอน ดาร์บี้แมตย์” ที่เอาชนะ อาร์เซน่อล ไปด้วยสกอรืสูงถึง 6-0 ซึ่งถือว่าเป็นการประเดิมชัยในศึกพรัเมียร์ลีก อังกฤษ ได้ยอเยี่ยมเลยทีเดียว

ฤดูกาล (2014/15)

โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ย้ายไปสู่ ฟิออเรนติน่า ทีมจากศึกเซเรีย อา

ก่อนเริ่มฤดูกาล โมฮาเหม็ด ซาลาห์ มีปัญหาส่วนตัวเกี่ยวกับเรื่องทางการทหาร จึงทำให้เจ้าตัวต้องกลับบ้านเกิด ส่งผลให้ดาวเตะดาวรุ่งรายนี้มีโอกาสลงสนามที่น้อยลงอย่างมาก บวกกับการเข้ามาของ เอเด็น อาซาร์ เป็นนักเตะอีกหนึ่งคนที่ถือว่าจัดจ้านไม่แพ้ ซาลาห์ จึงทำให้หนทางการลงสนามของเจ้าตัวลดน้อยลงไปอีก จนในท้ายที่สุดด้วยศักดิ์ศรีที่ค้ำคอกันทำให้เขาทนเล่นเป็นตัวสำรองต่อไม่ไหว จนต้องเก็บข้าวเก็บของย้ายไปสู่ ฟิออเรนติน่า ทีมจากศึกเซเรีย อา ด้วยสัญญาการยืมตัว หลังจากย้ายซบลีกในประเทศอิตาลี ก็ทำให้เขาได้ลงสนามมากขึ้นและขอเลือกสวมเสื้อหมายเลข 74 เพื่อเป็นการรำลึกถึงผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์โศกนาฏกรรมในครานั้น

14 กุมภาพันธ์ ลงสนามครั้งแรกให้กับ ฟิออเรนติน่า และได้ระเบิดฟอร์มเก่งซัดประตูแรกได้ทันที และทำได้อีก 1 แอสซิสต์ พาทีมคว้าชัยชนะเหนือ ซัลซัวโล่ ไปแบบชิวๆ 3-1 ประตู หลังจากนั้น 12 วันก็ได้ลงประเดิมศึกยูโรป้า ลีก และช่วยถล่ม ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ทีมใหญ่จากอังกฤษ ไปได้ถึง 3-1 และยังเป็นคีย์แมนคนสำคัญพาทีมคว้าชัยเหนือ อินเตอร์ มิลาน และ ยูเวนตุส อีกด้วย หลังจากจบฤดูกาลนั้น ฟิออเรนติน่า พยายามที่จะเกลี้ยกล่อมให้เจ้าตัวเซ็นสัญญาแบบถาวร แต่ซาลาห์เลือกที่จะปฏิเสธ และได้ตัดสินใจตกลงเซ็นสัญญาย้ายเข้าร่วมทัพ เอเอส โรม่า คู่แข่งร่วมลีกไปซะดื้อๆ

เอเอส โรม่า (2015/16)

โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ย้ายซบ เอเอส โรม่า

โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ย้ายซบ “หมาป่าเหลือง-แดง” หรือ เอเอส โรม่า ด้วยค่าตัวแค่ 15 ล้านปอนด์เท่านั้น (625 ล้านบาท) ผลงานชิ้นแรกของเขาคือการพาทีมต้นสังกัดรอดพ้นจากการปราชัยด้วยการไล่ตีเสมอ ซัสซัวโล่ ไปอย่างระทึก ด้วยสกอร์ 2-2 ประตู หลังจากนั้นเขาก็สามารถซัดประตูใส่ทีมอื่นๆมาได้อยู่ไม่ขาดสาย แมตย์วันที่ 25 ตุลาคม 2015 เข้าต้องกลับไปเผชิญหน้ากับอดีตทีมเก่าอย่าง ฟิออเรนติน่า ไมรอช้าที่จะทำให้ทีมคู่แข่งเจ็บแสบ โดยการเบิกร่องประตูชัยให้กับทีมก่อนที่ในช่วงท้ายจะถูกไล่ออกจากสนามไป

ผลงานส่วนตัวของเขาในการสวมเสื้อของโรม่า เหมือนพลิกจากหลังมือเป็นหน้ามือ เหมือนเป็นคนละคนจาก 2 ทีมที่เคยข้าแข้งมา ซาลาห์ ยิงประตูไปได้ 15 ตุงกับอีก 6 แอสซิสต์ พร้อมรับตำแหน่งผู้เล่นยอดเยี่ยมของสโมสรไปครอบครองแบบที่ไม่มีใครค้าน

ลิเวอร์พูล (2016/17)

โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กลายเป็นนักเตะอียิปต์คนแรกของ ลิเวอร์พูล

จากผลงานที่อันสุดสวยหรูจนได้รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมมาการันตี ทำให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ มีข่าวลือเชื่อมโยงกับการย้ายทีมอย่างหนาหู และหนึ่งในนั้นก็มี ลิเวอร์พูล ทีมจากแดนผู้ดีที่คอยจ้องจะคว้าตัวไปร่วมทีมด้วย และทีมก็ทำได้สำเร็จในการยื่นข้อเสนอให้กับ เอเอส โรม่า สูงถึง 42 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1827 ล้านบาท) และเป็นการทุบทำลายสถิติค่าตัวสูงสุดของสโมสรด้วย โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กลายเป็นนักเตะอียิปต์คนแรกของ ลิเวอร์พูล ซึ่งหลังจากที่เจา้ตัวได้กลับมาค้าแข้งที่อังกฤษอีกครั้ง เขาก็ได้โชว์ฟอร์มที่สมราสถิตินักเตะที่ค่าตัวแพงที่สุดของสโมสร ด้วยการนำเป็นดาวซัลโวเดี่ยวๆของศึกพรีเมียร์ลีก และไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่า โมฮาเหม็ด ซาลาห์ คือผู้แบกความหวังให้แก่ทีม และสาวกของหงส์แดงอย่างแท้จริง จวบจนถึงปัจจุบันนี้

The post เมสซีแห่งอียิปต์ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (Mohamed Salah) first appeared on ผลบอลสด บ้านผลบอล ผลบอลวันนี้ 7m 888 Livescore.]]>
ดาวยิงประตูแพะบ้า อ็องโตนี่ โมแดสต์ (Anthony Modeste) https://www./%e0%b8%94%e0%b8%b2%e0%b8%a7%e0%b8%a2%e0%b8%b4%e0%b8%87%e0%b8%9b%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%95%e0%b8%b9-%e0%b9%82%e0%b8%a1%e0%b9%81%e0%b8%94%e0%b8%aa%e0%b8%95%e0%b9%8c/ Thu, 07 May 2020 10:13:45 +0000 https://www./?p=81677 อ็องโตนี่ สเตฟาน เบอร์นาร์ด โมแดสต์ เกิดเมื่อวันที่ 14 [...]

The post ดาวยิงประตูแพะบ้า อ็องโตนี่ โมแดสต์ (Anthony Modeste) first appeared on ผลบอลสด บ้านผลบอล ผลบอลวันนี้ 7m 888 Livescore.]]>
ดาวยิงประตูแพะบ้า อ็องโตนี่ โมแดสต์

อ็องโตนี่ สเตฟาน เบอร์นาร์ด โมแดสต์ เกิดเมื่อวันที่ 14 เมษายน 1988 เป็นนักฟุตบอลชาวฝรั่งเศส ในปัจจุบันนี้เล่นให้ โคโลญจน์ ในลีกบุนเดสลีกา เยอรมัน ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นนักเตะที่ยิงประตูได้มากก็จริง แต่ทว่ายังไม่เป็นที่ยอมรับต่อแฟนบอลสักเท่าไหร่ เนื่องจากเขาลงเล่นฟุตบอลกับทีมที่ไม่ใช่ทีมยักษ์ใหญ่ ทำให้แฟนบอลหลายๆคนไม่รู้จักเขามากเท่าที่ควร

เส้นทางการข้าแข้ง

นีซ

อ็องโตนี่ โมแดสต์ เขาได้เริ่มเล่นฟุตบอลกับ นีซ ทีมในฝรั่งเศสอย่างลีกเอิง สามารถทำฟอร์มออกมาได้ดีมากๆ ทำผลลัพธ์ออกมาได้อย่างน่าประทับใจในหลายนัดถึงแม้ว่าเขายังมีอายุน้อย ในฤดูกาล 2009/10 เขาถูกปล่อยยืมตัวไปเล่นให้กับ อองเช่ร์ เมื่ออายุ 21 ปี เขาได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขาประสบความสำเร็จในสนามแห่งนี้เป็นอย่างมาก โดยที่ยิงไป 20 ประตูและติดทีมยอดเยี่ยมของฤดูกาลอีกด้วย หลังจากนั้นจึงทำให้เขากลายเป็นที่น่าจับตาของบิ๊กทีมในฝรั่งเศสและอังกฤษ

บอร์กโดซ์

ในวันที่ 13 สิงหาคม 2010 อ็องโตนี่ โมแดสต์ ได้เซ็นสัญญาย้ายมาร่วมทีม บอร์กโดซ์ ด้วยค่าตัวที่ไม่ได้มีการเปิดเผย แต่มีการคาดกันว่าน่าจะอยู่ราวๆที่ 3.5 ล้านยูโร และได้ตกลงเซ็นสัญญานานถึง 4 ปี

วันที่ 19 มกราคม 2012 อ็องโตนี่ โมแดสต์ ได้ย้ายมาเล่นให้กับทีม แบล็คเบิร์น โรเวอร์ ในพรีเมียร์ลีกเวลานั้นเลย ด้วยสัญญายืมตัวของช่วงเวลาที่เหลืออยู่ของฤดูกาล 2011/12 ซึ่งเขาเป็นนักเตะฝรั่งเศสที่ไม่ออฟชั่นการซื้อขายตัวแบบถาวร เมื่อจบฤดูกาลต้องกลับไป บอร์กโดซ์ ทันที

วันที่ 31 กรกฏาคม 2012 เขาถูกยืมตัวไปเล่นที่ บาสเตียน ได้ลงสนามในเกมที่เอาชนะ โซโชซ์ 3-2 ประตู เขาประสบความสำเร็จอย่างมากกับ บาสเตียน โดยที่ยิงได้ 15 ประตู ขึ้นนำนั่งแท่นเป็นดาวซัลโวของลีกเอิง และเป็นนักเตะอีกหนึ่งคนที่เล่นได้ดีที่สุดในทีม

ฮอฟเฟ่นไฮม์

โมแดสต์ ได้ตกลงเซ็นสัญญากับทีม ฮอฟเฟ่นไฮม์

วันที่ 9 กรกฏาคม 2013 โมแดสต์ ได้ตกลงเซ็นสัญญากับทีม ฮอฟเฟ่นไฮม์ ด้วยระยะเวลา 3 ปี เขาได้ลงสนามในเกมเดเอฟเบ โพคาล ที่พบเจอกับทีมดิวิชั่น 5 โอมองด์-เวอซัค ในวันที่ 3 สิงหาคม โมแดสต์ ยิงได้ 2 ประตูกับ 1 แอสซิสต์ อีกทั้งยังได้ลงสนามให้กับทีม ในศึกบุนเดสลีกา วันที่ 10 สิงหาคม ในการเจอ เนิร์นแบร์ก และสามารถยิงประตูได้อีก 1 ลูก จบเกมผลลัพธ์อยู่เสมอ 2-2

หลังจากที่ได้ลงสนามเล่น 15 เกมให้กับกับทีมไปแล้ว ฮอฟเฟ่นไฮม์ เริ่มเจอวิกฤตหนักเมื่อพ่ายติดกันมา 3 นัดรวด แพ้จาก 4 ใน 5 เกม แบบที่เขาไม่สามารถทำประตูได้เลย 8 กุมภาพันธ์ 2014 เขาลงสนามเล่นเป็นตัวสำรองและทำประตูตีเสมอ ไฟร์บวร์ก เป็นเกมแรกที่เขายิงประตูให้ทีมนับตั้งแต่ปลายเดือนกันยายน

วันที่ 2 มีนาคม ในเกมที่เจอกับ โวล์ฟบวร์ก เขาได้ลงสนามท้าแข้งด้วยในนัดนี้ หลังจากที่ไม่ได้ลงสนามมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน เขาทำประตูได้ 2 ลูกและทำแอสซิสต์อีกในเกมที่เอาชนะมาได้ 6-2 ประตู เขาทำประตูติดต่อกันได้ 3 เกมติดในปลายเดือนมีนาคม รวมไปถึงเกมที่เสมอกับแชมป์เก่าอย่าง บาเยิร์น มิวนิค 3-3 ประตู ก่อนที่จะถูกเปลี่ยนตัวออกจากสนามด้วยอาการบาดเจ็บ

วันที่ 26 เมษายน ในการดวลเดือดกับ ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต เขาโดนใบแดงไล่ออกจากสนามจากพฤติกรรมการเล่นที่รุนแรงต่อฝ่ายตรงข้าม ทำให้เขาถูกลงโทษโดนแบน 2 เกมในฟุตบอลเดเอฟเบ โพคาล รอบชิงชนะเลิศทั้งสองนัด โมแดสต์ จบซีซั่นด้วยการยิง 14 ลูก จากทั้งหมด 33 นัดในทุกรายการ

ในช่วงซัมเมอร์เมื่อเริ่มเข้าสู่ฤดูกาลที่ 2014/15 ฮอฟเฟ่นไฮม์ ได้เซ็นสัญญาคว้าตัวอดัม ซาไล ทำให้เกิดการแย่งชิงตำแหน่งกองหน้ามากยิ่งขึ้น ทำให้ โมแดสต์ ได้ออกสตาร์ทเล่นเป็นตัวจริงเพียงแค่ 4 เกมเท่านั้น เมื่อเทียบกับฤดูกาลที่แล้วเขาได้ลงสนามน้อยมาก แต่รวมๆแล้วทั้งสองฤดูกาลเขาได้ลงสนามกว่า 62 นัด และทำประตูได้ 23 ประตู ในทุกรายการแข่งขัน

โคโลญจน์

อ็องโตนี่ โมแดสต์ ตกลงเซ็นสัญญามาร่วมทีม โคโลญจน์

ฤดูกาล 2015/16

วันที่ 26 มิถุนายน 2015 อ็องโตนี่ โมแดสต์ ตกลงเซ็นสัญญามาร่วมทีม โคโลญจน์ ทีมในเยอรมันด้วยค่าตัวที่ไม่เปิดเผย การเซ็นสัญญาฉบับนี้กินเวลานานไปถึง 4 ปี

วันที่ 8 สิงหาคม 2015 โมแดสต์ สามารถทำแฮตทริกได้ในเกมที่เจอกับ เอสวี เม็พเพ่น และเอาชนะไปได้ 4-0 ประตู ในรอบแรกของเกมการแข่งขันฟุตบอลเดเอฟเบ โพคาล เขาทำประตูแรกได้จากการเริ่มเกมได้เพียง 45 วินาทีเท่านั้น นับว่าเป็นสถิติการทำประตูได้เร็วที่สุดในฟุตบอลเดเอฟเบ โพคาล เขาลงสนามประเดิมวันที่ 16 สิงหาคม และยิงลูกโทษเข้า จากการทำฟาวล์โดย โกล เปอร์มีสลาฟ ไททัน จากชัยชนะ สตุ๊ตการ์ท ถัดมา ยูยะ โอซาโกะ ยิงประตูปิดท้ายเกม ทำให้ทีมเอาชนะมาได้ด้วยสกอร์ 3-1 อย่างสวยงาม โมแดสต์ ยิงได้ทั้งหมด 7 ประตูจาก 9 นัดแรกของทุกรายการ ไฮไลท์คือการยิงลูกโทษด้วยตัวเองในเกมที่พาทีมเอาชนะ ฮัมบูร์ก 2-1 ประตู และทำประตูในครึ่งหลังพาทีมชนะ กลัดบัค 1-0 ในวันที่ 19 กันยายน

ต่อมา โมแดสต์ ได้ลงสนามเล่นเป็นตัวสำรองเป็นครั้งแรก โดยยิงประตูชัยเอาชนะ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ทำให้เขาซัดประตูแรกได้ในรอบ 9 กม และผ่านช่วงคริสต์มาสด้วยการยิง 7 ลูกในลีกบุนเดสลีกา และเปิดปี 2016 เขาก็ยังยิงประตูมาได้อย่างต่อเนื่อง

ฤดูกาล 2016/17

หลังจากฤดูกาลแรกกับแพะบ้า เขามีข่าวเชื่อมโยงว่าจะย้ายไป เวสต์แฮม ยูไนเต็ด หรืออีกทีมจากลีกไซนีส ซูเปอร์ลีก เบจิ่ง กั๋วอั้น ซึ่งทีมจากจีนก็พร้อมที่จะจ่ายค่าตัวให้อย่างมหาศาล แต่ว่าท้ายสุดเขาก็ตัดสินใจเซ็นสัญญา โคโลญจน์ ต่อไปจนถึงซัมเมอร์ปี 2021 และได้รับค่าเหนื่อย 2.5 ล้านยูโรต่อปี ผู้อำนวยการด้านกรีฑา ยอร์ก ชมัดเค่ กล่าวว่า โมแดสต์ เป็นนักเตะที่มีคุณประโยชน์ต่อทีมอย่างมาก และเชื่อว่าเขาสามารถเป็นกองหน้าที่พิสูจน์ตัวเองได้เป็นอย่างดี

ฤดูกาล 2016/17 เป็นฤดูกาลที่น่าประทับใจของ โมแดสต์ เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2016 เขายิงประตูให้ โคโลญจน์ ในเกมเดเอฟเบ โพคาล และยิงประตูที่สอง ในเกมที่ชนะทีมระดับดิวิชั่น 6 บีเอฟซี พรอยเซ่น ในสัปดาห์ต่อมาที่เป็นเกมนัดแรกในบุนเดสลีกา เขาทำประตูที่สองในเกมที่เอาชนะ ดาร์มสตัดท์ 2-0

อ็องโตนี่ โมแดสต์ สามารถทำประตูได้ทุกนัดในเดือนตุลาคม จาก 5 นัด เริ่มที่เกมเสมอ 1-1 ต่อแชมป์เก่า บาเยิร์น มิวนิค ที่สนามอลิอันซ์ อารีน่าวันที่ 1 ตุลาคม หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้ลงสนามอีกเลย เนื่องจากอาการบาดเจ็บที่ข้อเท้าจากช่วงที่ซ้อม เขายิงประตูได้อีกแต่ว่ายังไม่มากพอที่จะให้ทีมครองชัยชนะ ในเกมนั้นต้องพ่ายต่อ แฮร์ธ่า เบอร์ลิน

วันที่ 22 ตุลาคม เขายิงประตูในช่วง 120 นาทีในเกมที่พบกับอดีตทีมเก่าที่เขาเคยข้าแข้งมาด้วยอย่าง ฮอฟเฟ่นไฮม์ ในฟุตบอลเดเอฟเบ โพคาล รอบสองในสัปดาห์ต่อมา

วันที่ 30 ตุลาคม เขายิงแฮตทริกทั้งๆที่พลาดลูกโทษ ในเกมที่เอาชนะฮัมบูร์ก 3-0 ประตู นั่นทำให้เขาขึ้นนำเป็นนดาวซัลโวในช่วงเวลานั้นที่ 11 ประตู

เทียนจิน ฉวนเจียน

อ็องโตนี่ โมแดสต์ ย้ายมาที่ไซนิส ซูเปอร์ลีก กับทีมเทียนจิน ฉวนเจียน

อ็องโตนี่ โมแดสต์ ย้ายมาที่ไซนิส ซูเปอร์ลีก กับทีมเทียนจิน ฉวนเจียน เมื่อกลางปี 2017 ที่ช่วงที่ตลาดนักเตะเปิดพอดี อย่างไรก็ตาม โคโลญจน์ ได้ทำการยกเลิกสัญญายืมตัว โดยตอนแรกที่ได้ตกลงทำการเซ็นสัญญาไว้เมื่อวันที่ 12 กรกฏาคม ได้ทำการตกลงกันว่าเขาจะย้ายไปเล่นที่จีนด้วยสัญญา 2 ปี กับเงินค่าตัว 6 ล้านยูโร และในวันที่ 15 กรกฏาคม 2017 เทียนจิน ฉวนเจียน ประกาศว่าได้ตกลงเซ็นสัญญากับ อ็องโตนี่ โมแดสต์ เข้าสู่ทีมด้วยสัญญา 3 ปีครึ่ง จนจบฤดูกาล 2020

โคโลญจน์ (รอบสอง)

เดือนสิงหาคม 2018 อ็องโตนี่ โมแดสต์ ย้ายออกจาก AWOL และย้ายกลับมาที่เยอรมันเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน เขาได้เซ็นสัญญาย้ายกลับมาเล่นให้ โคโลญจน์ อีกครั้ง จนถึงปี 2023 และได้เรียกร้องให้ เทียนจิน ฉวนเจียน ทำการยกเลิกสัญญาของเขากับทีม

The post ดาวยิงประตูแพะบ้า อ็องโตนี่ โมแดสต์ (Anthony Modeste) first appeared on ผลบอลสด บ้านผลบอล ผลบอลวันนี้ 7m 888 Livescore.]]>
ดาวยิงฟอร์มร้อน ซิโร อิมโมบิเล่ (Ciro Immobile) https://www./%e0%b8%8b%e0%b8%b4%e0%b9%82%e0%b8%a3-%e0%b8%ad%e0%b8%b4%e0%b8%a1%e0%b9%82%e0%b8%a1%e0%b8%9a%e0%b8%b4%e0%b9%80%e0%b8%a5%e0%b9%88-ciro-immobile/ Wed, 27 Mar 2019 06:34:29 +0000 https://www./?p=30164 ซิโร อิมโมบิเล่ เป็นนักฟุตบอลอาชีพชาวอิตาลีด้วยส่วนสูง [...]

The post ดาวยิงฟอร์มร้อน ซิโร อิมโมบิเล่ (Ciro Immobile) first appeared on ผลบอลสด บ้านผลบอล ผลบอลวันนี้ 7m 888 Livescore.]]>
ดาวยิงฟอร์มร้อน ซิโร อิมโมบิเล่

ซิโร อิมโมบิเล่ เป็นนักฟุตบอลอาชีพชาวอิตาลีด้วยส่วนสูง 185 เซนติเมตร ปัจจุบันเล่นในตำแหน่งกองหน้าให้กับสโมสร ลาซิโอ้ ในเซเรียอา รวมถึงมีชื่อติดอยู่ในนักเตะทีมชาติอิตาลีด้วย

ประวัติโดยรวม

เขาเริ่มเล่นฟุตบอลอาชีพเป็นครั้งแรกกับสโมสรซอเรนโต้ในปี 2009 จากนั้นจึงถูกสโมสร ยูเวนตุส ซื้อตัวเข้ามาร่วมทีม แต่ในช่วงเวลานั้นเขายังไม่สามารถยึดตำแหน่งตัวจริงของทีมได้จึงถูกปล่อยให้ยืมตัวออกไปเล่นกับสโมสรอื่นถึง 3 สโมสร ก่อนจะมีโอกาสย้ายอย่างถาวรไปเล่นให้กับสโมสร เจนัว ในปี 2012 ต่อมาเขาได้ย้ายไปเล่นให้กับสโมสรคู่อริของอดีตทีมเก่า ยูเวนตุส ของเขา นั่นคือสโมสร โตริโน่ ในปี 2013

ซึ่งในสโมสร โตริโน่ นี้ เขาได้รับรางวัลนักเตะผู้ทำประตูสูงสุดของฤดูกาลในกัลโซ่เซเรียอา โดยเขายิงไปได้ 22 ประตูจากการลงเล่น 33 นัด หลังจากนั้นไม่นานเขาได้ยุติบทบาทการค้าแข้งกับสโมสร โตริโน่ โดยถูกขายให้กับสโมสรดังของลีกเยอรมัน นั่นก็คือ สโมสร โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ด้วยค่าตัว 18 ล้านยูโร อย่างไรก็ตามเขาค้าแข้งอยู่กับ ดอร์ทมุนด์ ได้ไม่นานนัก ก็ได้ย้ายมาเล่นให้กับสโมสร เซบีย่า ในสเปนในปี 2015 ซึ่ง เซบีย่า นั้นเขายังไม่สามารถยึดตำแหน่งตัวจริงได้จึงถูกปล่อยให้สโมสร โตริโน่ ยืมตัวกลับไปเล่นในลีกอิตาลีอีกครั้งหนึ่ง และในเดือนกรกฎาคม 2016 นี้เองที่เขาถูกสโมสร ลาซิโอ้ ซื้อตัวไปร่วมทีมอย่างถาวร และที่ ลาซิโอ้ นี่เองเขาได้ระเบิดฟอร์มอีกครั้งจนได้รับรางวัลนักเตะที่ยิงประตูสูงสุดของลีก ด้วยผลงาน 29 ประตูจากการลงเล่น 33 นัด นับเป็นครั้งที่สองในชีวิตที่เขาได้รับรางวัลนี้ สำหรับในทีมชาตินั้นเขาได้รับโอกาสลงเล่นในฐานะนักเตะทีมชาติอิตาลีเป็นครั้งแรกในปี 2014 รวมถึงเป็นส่วนหนึ่งของผู้เล่นที่ไปแข่งฟุตบอลโลกปี 2014 และฟุตบอลยูโร 2016 ด้วย

ประวัติการค้าแข้ง

ประวัติการค้าแข้ง

ซอเรนโต้ และ ยูเวนตุส

“ซิโร อิมโมบิเล่” เกิดในเมือง ตอเร่ แอนนูซิเอต้า จังหวัดหนึ่งในกรุงเนเปิลส์ และเริ่มเล่นฟุตบอลในทีมเยาวชนของโรงเรียน “ตอเร่ แอนนูซิเอต้า 88” ก่อนจะเปลี่ยนชื่อทีมมาเป็น “มาเรีย โรซ่า” และท้ายสุดเขาเล่นให้กับทีมเยาวชนของสโมสร “ซาเลอนิทานา” ยังไงก็ตาม ในช่วงเวลานั้นเขายังไม่ประสบความสำเร็จนักก่อนจะย้ายมาเล่นให้กับ สโมสร ซอเรนโต้ และเขาก็ไม่ทำให้สโมสรผิดหวัง ในลีก U17 ฤดูกาล 2007-2008 เข้ายิงได้ 30 ประตูให้กับต้นสังกัด ด้วยฟอร์มการเล่นที่โดดเด่นนั้นเป็นที่ประทับใจต่อสโมสรยักษ์ใหญ่อย่าง ยูเวนตุส ซึ่งต่อมาก็ได้ซื้อตัวนักเตะวัย 18 ปีนี้ด้วยค่าตัว 80,000 ยูโร

ในเวลานั้น “ซิโร อิมโมบิเล่” เล่นให้กับลีกเยาวชนของอิตาลีในตำแหน่งกองหน้าโดยมีคู่หูคนสำคัญคือ “อายุป ดาอุด” ซึ่งได้ช่วยกันทำผลงานจนทีมสามารถคว้าแชมป์ลีกเยาวชนได้ โดย “ซิโร อิมโมบิเล่” ยิงได้ 5 ประตูในทัวร์นาเม้นต์นั้น

ในวันที่ 14 มีนาคม 2009 “ซิโร อิมโมบิเล่” ได้รับโอกาสลงเล่นในลีกเซเรียอาเป็นครั้งแรกในแมตท์ที่สโมสร ยูเวนตุส เปิดบ้านเอาชนะสโมสร โบโลน่า ไป 4 ประตู ต่อ 1 โดยเขาได้ลงเล่นในฐานะตัวสำรองที่ลงไปเปลี่ยนแทนที่กัปตันของสโมสร ยูเวนตุส ในเวลานั้น นั่นคือ อเล็กซานโดร เดลปิเอโร่ ในนาทีที่ 89

ต่อมาในวันที่ 25 พฤศจิกายน 2009 “ซิโร อิมโมบิเล่” ได้รับโอกาสลงเล่นในศึกยูโรเปี้ยนเป็นครั้งแรก และก็ทำหน้าที่ตัวสำรองที่ลงไปเปลี่ยนแผนที่กองหน้ากัปตันทีมอย่าง อเล็กซานโดร เดลปิเอโร่ อีกครั้งหนึ่ง ในแมตท์ที่พบกับสโมสร บอร์กโดซ์ จากฝรั่งเศส

ต่อมาในเดือนกุมภาพันธ์ 2010 เขาสามารถทำแฮตทริกแรกของเขาได้ในนัดที่พบกับสโมสร เอ็มโปลี และในฤดูกาลนั้น ยูเวนตุส คว้าแชมป์ลีกได้เป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน

ออกไปเล่นให้กับสโมสร เซียน่า และ กรอสเซโต ด้วยสัญญายืมตัว

ในวันที่ 1 มิถุนายน 2010 “ซิโร อิมโมบิเล่” และเพื่อนร่วมทีมของเขา ลูก้า มาโรเน่ ได้ถูกปล่อยให้สโมสร เซียน่า ยืมตัวไปหลังจากที่ต้นสังกัดของเขาต้องหล่นไปเล่นในลีกเซเรียบี ซึ่ง ณ เวลานั้นสโมสร ยูเวนตุส เลือกใช้งานนักเตะอย่าง นิโคโล จิอานเน็ตติ, ลีโอนาโด้ สปินาซโซลา และมิดฟิลด์ชาวออสเตรีย มิเชล บูชเชล ที่ยืมตัวมา ส่งผลให้ตัวของ “ซิโร อิมโมบิเล่” ไม่ค่อยได้รับลงเล่นในทีมชุดใหญ่ จนในเดือนมกราคม 2011 เขาจึงตัดสินใจออกจากสโมสร เสียหน้าหลังจากลงเล่นไปได้เพียง 4 นัดและทำได้ 1 ประตู

หลังจากที่เขาได้ออกจากสโมสร เซียน่า เขาได้รับการติดต่อยืมตัวทันทีจากสโมสร กรอสเซโต ทีมในลีกเซเรียบี ในฤดูกาล 2010-2011 ซึ่งเขาได้รับโอกาสในการลงเล่นเป็นครั้งแรกให้กับสโมสรในวันที่ 29 มกราคม 2011 ในนัดที่ไปเอาชนะสโมสร วีเซนซ่า คาลซิโอ ด้วยสกอร์ 0-1 ซึ่งตลอดฤดูกาลนี้เขาได้ลงเล่นไปทั้งหมด 16 นัดให้กับสโมสร และกลับมายังสโมสรเดิม ยูเวนตุส ในวันที่ 30 มิถุนายน 2011

ซิโร อิมโมบิเล่ มาจากสโมสร ยูเวนตุส

ถูกยืมตัวไปยังสโมสร เปสคาร่า

เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2011 ทางสโมสร เปสคาร่า ได้แถลงการณ์ออกมาว่าได้ตกลงยืมตัว ซิโร อิมโมบิเล่ มาจากสโมสร ยูเวนตุส เป็นผลสำเร็จ โดยเขายิงประตูแรกให้กับสโมสรได้ในวันที่ 26 สิงหาคม ใน Map ประเดิมสนามของเขาที่พบกับ เฮลลาส เวโรน่า จนสิ้นสุดครึ่งฤดูกาลแรกของ ปี 2011-12 “ซิโร อิมโมบิเล่” ยิงไปได้ 14 ประตู

ในวันที่ 30 มกราคม 2012 ทางสโมสร เจนัว ได้ออกมายืนยันว่าได้จ่ายเงินจำนวน 4 ล้านยูโร เพื่อถือสิทธิ์ครึ่งนึงของนักเตะจาก ยูเวนตุส และจากปัญหาเรื่อง 13 นักเตะที่ดูจะยุ่งเหยิง เขาก็ยังสามารถช่วยให้สโมสร เปสคาร่า จบฤดูกาลด้วยแชมป์ของเซเรียบีและได้รับการเลื่อนชั้นมาเล่นในเซเรียอา ในฤดูกาลถัดมา ซึ่งในระหว่างที่เขาเล่นอยู่ในเซเรียบีนั้นเขายังคงตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดด้วยจำนวนประตูที่ยิงได้ถึง 28 ประตู มากกว่าอันดับ 2 ที่ตามมาถึง 7 ประตู

“ซิโร อิมโมบิเล่” ยังได้รับการรับเลือกเป็นนักเตะเซเรียบียอดเยี่ยมประจำปีของฤดูกาล 2012 โดยมีเพื่อนร่วมทีมของเขาอย่าง โลเรนโซ อินซิกเนีย และ มาโค เวอร์รัตติ ได้รับรางวัลร่วมด้วย

ในวันที่ 20 มิถุนายน 2012 เจ้าของสิทธิ์ร่วมของ “ซิโร อิมโมบิเล่” ได้ตกลงต่อสัญญากับ ยูเวนตุส และ เจนัว โดยทางฝั่งของ เจนัว นั้นจะยังคงมีสิทธิ์ในตัวนักเตะถึงปี 2012-13 โดยทาง ยูเวนตุส ได้รับเงินจากกรณีนี้ 4 ล้านยูโร ต่อมาสโมสร ยูเวนตุส ได้เปลี่ยนเงินก้อนนี้เพื่อไปซื้อสิทธิ์ 50 เปอร์เซ็นต์ของ ริชมอนด์ โบคาย ในเดือนกรกฎาคม 2012

เจนัว

“ซิโร อิมโมบิเล่” ได้กลายมาเป็นนักเตะของ เจนัว ด้วยสัญญายืมตัวในวันที่ 1 กรกฎาคม 2012 หลังจากที่สัญญายืมตัวกับสโมสร เปสคาร่า สิ้นสุดลง เขายิงประตูแรกในกัลโช่เซเรียอาได้ในแมตช์ที่ เจนัว เปิดบ้าน เอาชนะสโมสร คากลิเอรี่ ไป 2-0 ต่อมาเขายิงประตูที่ 2 ได้ในวันที่ 16 กันยายน ในแมตช์ที่พบกับสโมสรต้นสังกัดที่แท้จริงของเขาอย่าง ยูเวนตุส ซึ่งในนัดนั้น เจนัว แพ้ไป 1-3 นอกจากนั้นเขายังยิงได้อีก 2 ประตูในวันที่ 11 และ 18 พฤศจิกายน 2012 ในนัดที่พบกับสโมสร นาโปลีและ ซามพ์โดเรีย ตามลำดับ แต่เป็นที่น่าเสียดายทั้งสองนัดนั้น เจนัว เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไป

ในการดังกล่าว เจนัว ไม่ประสบความสำเร็จนักโดยจบฤดูกาลด้วยอันดับที่ 17 ของตารางรอดพ้นจากการตกชั้นไปอย่างหวุดหวิด ส่วน “ซิโร อิมโมบิเล่” ทำผลงานได้ 5 ประตูจากการลงเล่น 33 นัด

ต่อมาในวันที่ 19 มิถุนายน 2013 สโมสร เจนัว และสโมสร ยูเวนตุส ได้ตกลงการต่อสัญญาการเป็นเจ้าของร่วมของนักเตะรายนี้

เขาถูกขายให้กับสโมสร โตริโน่

โตริโน่

ในวันที่ 12 กรกฎาคม 2013 สโมสร ยูเวนตุส ได้ตกลงซื้อนักเตะรายนี้คืนจากส่วนที่สโมสร เจนัว เป็นเจ้าของ ด้วยมูลค่า 2.75 ล้านยูโร และในวันเดียวกันเขาถูกขายให้กับสโมสร โตริโน่ ด้วยค่าตัว 2.75 ล้านยูโรเช่นเดียวกัน โดย ซิโร อิมโมบิเล่ นับว่าเป็นนักเตะรายที่ 3 ที่สโมสร โตริโน่ ซื้อมาจาก เจนัว ตามหลังนักเตะอย่าง ซีแซร์ โบโว่ และ เอ็มมิลิเอโน โมเร็ตติ

เขาได้รับโอกาสลงเล่นเป็นครั้งแรกภายใต้สังกัด โตริโน่ ในฟุตบอลรอบแรกของโคปาอิตาเลีย ในแมตช์ที่พบกับทีมเก่าของเขาอย่างสโมสร เปสคาร่า วันนี้แมตช์นี้เขายิงประตูได้เป็นนัดแรกของฤดูกาลอีกด้วย แต่นั่นก็คือประตูในศึกโคปาอิตาเลีย เพราะหลังจากนั้นเขาจะยิงประตูไม่ได้อีกเลย จนถึงวันที่ 7 ตุลาคม 2013 ในแมตช์ที่เสมอกับสโมสร ซามพ์โดเรีย ไป 2-2 เขามีส่วนในการทำประตู และนับว่าเป็นแอสซิสต์แรกที่เขาทำได้ในกัลโซ่เซเรียอา ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2012 ซึ่งจากฟอร์มการแอสซิสต์ประตูนี้ที่ช่วยปลดล็อคความมั่นใจให้กับ “ซิโร อิมโมบิเล่” กลับมายิงประตูได้ 12 ประตู จากการลงเล่น 15 นัดถัดมา โดยประตูแรกที่เขายิงได้ในลีกอิตาลี คือแมตช์ที่ โตริโน่ พบกับสโมสร คิเอโว่ เวโรน่า ในเดือนธันวาคม

ในวันที่ 22 มีนาคม 2014 อิมโมบิเล่ ทำแฮตทริกแรกในเซเรียอาได้ในแบบที่เอาชนะ ลิเวอร์โน่ ไป 3-1 แล้วต่อมาอีกเพียง 3 วันเขาก็ได้ยิงประตูสุดสวยด้วยท่าวอลเลย์ด้วยเท้าซ้าย ในแมตช์พบกับสโมสร โรม่า

ในวันที่ 6 เมษายน 2014 เขายิงประตูได้อีก และช่วยให้สโมสร โตริโน่ เอาชนะสโมสร คาตาเนีย ไป 2-1

แล้ววันที่ 13 เมษายน “ซิโร อิมโมบิเล่” และ อเล็กซิโอ เซอซี่ ได้ช่วยกันยิงประตูให้สโมสร โตริโน่ แซงเอาชนะสโมสร เจนัว ซึ่งจริงนำไปก่อน 1-0 จนได้ 2 นักเตะรายนี้ ช่วยกันยิงคนละ 1 ลูกเอาชนะไป 2-1 เขายิงได้อีกครั้งในแมตช์ที่ โตริโน่ เสมอกับ ลาซิโอ้ 3-3

ในวันที่ 27 เมษายน “ซิโร อิมโมบิเล่” ยิงได้เป็น 6 นัดติดต่อกัน นายแบบที่เอาชนะสโมสร อูดิเนเซ่ ไป 2-0 ทำให้ตลอดทั้งฤดูกาลเขายิงไปได้ 21 ประตู เทียบเท่ากับสถิติของสโมสร ที่เคยทำไว้โดย เปาโล พูลิซี และ ฟรานเชสโก้ กราสเ กราสเซียนี่

วันที่ 11 พฤษภาคม 2014 เขายิงได้อีกครั้งในแมตช์ที่พบกับสโมสร ปาร์ม่า แต่ในครึ่งหลังเขาถูกไล่ออกจากสนามและได้รับโทษแบน จนทำให้อดลงช่วยทีมในนัดสุดท้ายที่พบกับ ฟิออเรนติน่า และตลอดฤดูกาลเขายิงไปได้ 22 ประตูจากการลงเล่น 33 นัด รวมถึงอีก 1 ประตูในศึกโคปาอิตาเลีย ทำให้เขาเป็นนักเตะของ โตริโน่ คนแรก นับตั้งแต่ปี 1976-1977 ที่คว้ารางวัลดาวซัลโวสูงสุดของลีก โดยสถิติเดิมเป็นของ “ฟรานเชสโก้ กราสเซียนี่”

เซ็นสัญญากับ อิมโมบิเล่

โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์

ในวันที่ 2 มิถุนายน 2014 สโมสรดังของบุนเดสลีกาลีก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ได้ออกมาประกาศว่า ประสบความสำเร็จในการเซ็นสัญญากับ อิมโมบิเล่ แต่เนื่องจากปัญหาระหว่างสโมสร โตริโน่ และ ยูเวนตุส เกี่ยวกับสิทธิ์การเป็นเจ้าของนักเตะยังไม่คลี่คลาย ทำให้การย้ายทีมต้องเลื่อนออกไปจนถึงวันที่ 10 พฤษภาคม 2014 จนท้ายสุดแล้ว การย้ายทีมไปยัง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ก็ประสบความสำเร็จ โดยสโมสรจากเยอรมันต้องจ่ายค่าตัวของนักเตะรายนี้เป็นจำนวนเงิน 17.95 ล้านยูโร

ในวันที่ 13 สิงหาคม 2014 “ซิโร อิมโมบิเล่” ได้รับโอกาสลงเล่นเป็นครั้งแรกภายใต้สังกัด โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในฐานะนักเตะตำแหน่งกองหน้า ในซุปเปอร์คัพกับสโมสร บาเยิร์น มิวนิค แต่สำหรับในศึกบุนเดสลีกานั้น “ซิโร อิมโมบิเล่” ได้รับโอกาสลงเล่นเป็นครั้งแรกในวันที่ 23 สิงหาคม ในแมตช์เปิดฤดูกาลปี 2014-15 แต่น่าเสียดายที่สโมสร ดอร์ทมุนด์ เป็นฝ่ายแพ้ให้กับสโมสร ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น 2-0

ประตูแรกของเขาทำได้ในแมตช์ ที่เอาชนะสโมสร อาร์เซน่อล ไป 2-0 ในศึกยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกรอบแบ่งกลุ่ม ผลงานของเขาในศึกยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกทั้ง 6 นัด ภายใต้สังกัด โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ “ซิโร อิมโมบิเล่” ยิงได้ 4 ประตู

เซบีย่า

ในวันที่ 12 กรกฎาคม 2015 อิมโมบิเล่ ย้ายไปเล่นให้กับสโมสร เซบีย่า ด้วยสัญญายืมตัวตลอดฤดูกาลหลังจากในการลงเล่นในบุนเดสลีกาลีกเขาทำได้เพียง 3 ประตูให้กับ ดอร์ทมุนด์ โดย เซบีย่า ได้ให้โอกาสเขาลงเล่นเป็นครั้งแรกกับสโมสรในวันที่ 11 สิงหาคม 2015 โดยเขาเปลี่ยนตัวจะมานั่งสำรองลงมาเล่นแทน เควินกาเมโร่ ในนาทีที่ 80 ในศึกยูฟ่าซูเปอร์คัพรอบชิงชนะเลิศ ที่สโมสร เซบีย่า พบกับ บาร์เซโลน่า ในแมตช์นั้น “ซิโร อิมโมบิเล่” ทำแอสซิสต์ได้ 1 ครั้ง ก่อนที่ บาร์เซโลน่า จะเอาชนะไป 5-4 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ

แล้ววันที่ 31 กรกฎาคม 2015 “ซิโร อิมโมบิเล่” ต้องได้รับบาดเจ็บอย่างหนักหลังจากถูกกระแทกที่ศีรษะกับผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามจนต้องสวมหน้ากากออกซิเจนและใส่เฝือกดามคอ หลังจากที่ได้ลงเล่นไปเพียง 5 นาที ในแมตช์กระชับมิตรกับสโมสร วัตฟอร์ด เขาถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาล ทางแพทย์ได้ประเมินอาการว่าเขาได้รับบาดเจ็บที่กระบังโพรงจมูก ซึ่งในตอนแรกนั้นคาดกันว่าจะเป็นการบาดเจ็บอย่างรุนแรง อย่างไรก็ตามอาการบาดเจ็บของเขาก็ไม่หนักหนาอย่างที่คิด และวันที่ 8 พฤศจิกายน 2015 “ซิโร อิมโมบิเล่” ยิงประตูแรกของเขาภายใต้สีเสื้อของสโมสร เซบีย่า ในนาทีที่ 36 ในลาลีกาลีกที่เขาเอาชนะสโมสรยักษ์ใหญ่อย่าง เรอัล มาดริด ไปได้ 3-2

ในวันที่ 14 มกราคม 2016 “ซิโร อิมโมบิเล่” ถูกเรียกตัวกลับไปเล่นให้กับสโมสร โตริโน่ อีกครั้งในฤดูกาล 2015-16 เพียง 2 วันจากที่เขากลับไปเล่นให้กับ โตริโน่ เขายิงประตูเบิกร่องให้กับสโมสรในนัดที่เอาชนะสโมสร ฟรอสซิโนเน่ ไป 4-2 อย่างไรก็ตามต่อมาเขาก็ได้รับบาดเจ็บอีกครั้งในวันที่ 22 มีนาคม 2016 ซึ่งเขาได้รับบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อ ในแมตช์ที่พบกับสโมสร ยูเวนตุส ทำให้เขาต้องเข้ารับการรักษาเป็นระยะเวลากว่า 1 เดือน

ถูกยืมตัวไปยังสโมสร เปสคาร่า

ลาซิโอ้

จนมาถึงสโมสรปัจจุบันของเขา เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2016 “ซิโร อิมโมบิเล่” ได้เซ็นสัญญากับสโมสร ลาซิโอ้ ด้วยค่าตัว 8.75 ล้านยูโร พร้อมกับเงื่อนไขพิเศษที่ต้องจ่ายเพิ่มอีก 700,000 ยูโร ในวันที่ 21 สิงหาคม 2016 “ซิโร อิมโมบิเล่” ได้รับโอกาสลงเล่นภายใต้สีเสื้อ ลาซิโอ้ เป็นครั้งแรกและเขาก็ทำไม่ให้ต้นสังกัดผิดหวังโดยเขาเป็นคนยิงประตูได้ทันทีในนัดที่ออกไปเอาชนะสโมสร แอตแลนต้า ไป 4-3

ซึ่งในฤดูกาลแรกภายใต้ต้นสังกัด ลาซิโอ้ นั้น “ซิโร อิมโมบิเล่” ยิงไปได้ 23 ประตู จากการลงเล่น 36 นัดในลีก รวมกับอีก 3 ประตูในศึกโคปาอิตาเลีย จากผลงานทั้งหมดในฤดูกาลนี้ เทียบเท่ากับในยุคที่เขารับตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดเมื่อสมัยยังค้าแข้งอยู่กับสโมสร โตริโน่ แต่สำหรับฤดูกาลนี้ยังมีกองหน้าที่ทำประตูได้มากกว่าเขาซึ่งนั่นก็คือดาวเตะชาวบอสเนีย เอดินเซโก้ ที่ยิงไปได้ 29 ประตูในลีก

ในวันที่ 31 มีนาคม 2018 “ซิโร อิมโมบิเล่” ยิง 2 ลูกในนัดที่ ลาซิโอ้ เอาชนะ เบเนเวนโต้ ไป 6-2 นับเป็นประตูที่ 36 ในฤดูกาลทำลายสถิติของ จิออจิโอ คลินาเกลีย เคยทำไว้กับสโมสร ลาซิโอ้ ทำให้ในฤดูกาลนี้ “ซิโร อิมโมบิเล่” ยิงได้ 29 ประตูจากการลงเล่น 33 นัด ครองตำแหน่งนักเตะดาวซัลโวสูงสุดของลีกร่วมกับกองหน้าของ อินเตอร์ มิลาน อีกคน นั่นคือ เมาโร อิคาร์ดี้

ชิโร่อิมโมบิเล่ ติดทีมชาติอิตาลี

ผลงานระดับทีมชาติ

ชิโร่อิมโมบิเล่ ติดทีมชาติอิตาลี U19 เป็นครั้งแรกในปี 2008 ในศึกยูโรเปี้ยนแชมป์เปี้ยนชิพรอบคัดเลือก แต่เป็นที่น่าเสียดายอิตาลีไม่สามารถผ่านเข้ารอบนี้ไป ต่อมา ในวันที่ 25 มีนาคม 2009 “ซิโร อิมโมบิเล่” ทีมชาติอิตาลีชุดยู 21 และได้รับโอกาสลงเล่นในฟุตบอลนัดกระชับมิตร ระหว่างอิตาลีกับทีมชาติออสเตรียชุดยู 21

ในวันที่ 25 เมษายน 2012 ในการติดทีมชาติชุดยู 21 ครั้งที่สองนั้นเขาสามารถยิงประตูได้เป็นครั้งแรกภายใต้เสื้อทีมชาติ ในแมตช์กระชับมิตรกับสกอตแลนด์ และเป็นอิตาลีที่เอาชนะไป 4-1 ต่อมาในแมตท์ที่อิตาลีพบกับทีมชาติเนเธอร์แลนด์เขาสามารถยิงประตูได้อีกครั้ง ในจังหวะที่เขาล็อคหลบผู้เล่นกองหลังถึง 3 คนก่อนที่จะไปชิปบอลข้ามผู้รักษาประตูเข้าไปอย่างสวยงาม

จากผลงานที่ยอดเยี่ยมเขาจึงได้รับเลือกเข้าเป็นหนึ่งในนักเตะทีมชาติอิตาลีชุดยู 21 ที่จะไปแข่งในศึก UEFA European championship 2013 ชุด U21 ที่ประเทศอิสราเอลด้วย โดยมีเพื่อนร่วมทีมสโมสร เจนัว ของเขา แอนเดรีย เบอร์โตแคลซิ ร่วมทีมไปด้วย

วันที่ 13 เมษายน 2014 “ซิโร อิมโมบิเล่” ได้รับการคัดเลือกขึ้นไปติดในรายชื่อ 30 นักเตะทีมชาติชุดใหญ่ ที่จะไปลุยศึกฟุตบอลโลกปี 2014 และเมื่อมีการตัดตัวผู้เล่น อิมโมบิเล่ ก็ยังติดเข้าไปอยู่ในรายชื่อนักเตะ 23 ขุนพลนั้นด้วย ต่อมาในวันที่ 8 มิถุนายน 2014 “ซิโร อิมโมบิเล่” สามารถยิงแฮตทริกภายใต้สีเสื้อธงชาติอิตาลีในฟุตบอลโลกรอบอุ่นเครื่อง อิตาลีเอาชนะบราซิลไป 5-3

ในวันที่ 14 มิถุนายน 2014 ในแมตช์ทีมชาติที่มีการแข่งขัน “ซิโร อิมโมบิเล่” ได้รับโอกาสลงเล่นเป็นครั้งแรกในนัดที่อิตาลีพบกับทีมชาติอังกฤษ และก็เป็นอิตาลีที่เอาชนะไป 2-1 โดยเขามีชื่อเป็นผู้เล่นสำรองและได้ลงไปเล่นในสนามหลังจากการเปลี่ยนตัวเอา มาริโอ บาโลเตลลี่ ที่พึ่งยิงประตูได้มาพัก และเขาได้ลงเล่นอยู่ 17 นาทีที่เหลือของเกม

วันที่ 4 กันยายน 2014 “ซิโร อิมโมบิเล่” ยิงประตูแรกในนามทีมชาติอย่างเป็นทางการ ในหน้าที่เอาชนะเนเธอร์แลนด์ไป 2-0

31 พฤษภาคม 2016 “ซิโร อิมโมบิเล่” มีชื่อติดอยู่ใน 23 ขุนพลนักเตะที่จะไปแข่งยูฟ่ายูโร 2016 ภายใต้การคุมทีมของ อันโตนิโอ คอนเต้

ซิโร อิมโมบิเล่ ถนัดในการเล่นเป็นกองหน้า

สไตล์การเล่น

ซิโร อิมโมบิเล่ ถนัดในการเล่นเป็นกองหน้าตัวเป้า และเขามีความสามารถในการเล่นได้เกือบทุกตำแหน่งในแดนหน้า เขาเป็นกองหน้าที่มีความเร็ว มีความสามารถในการเคลื่อนที่ไปกับบอลได้ดี มีการทะลุทะลวงหาช่องว่างได้อย่างยอดเยี่ยม ซึ่งทำให้เขาสร้างจังหวะในการทำประตูได้อย่างมากมาย ลักษณะที่สำคัญอย่างหนึ่งของ “ซิโร อิมโมบิเล่” คือ เขามองหาช่องในการทำประตูได้ดีมีความสามารถในการยิงประตูได้ทั้งสองเท้า รวมถึงมีความแข็งแรงทั้งร่างกายอันยอดเยี่ยม

นอกจากนี้เขายังได้รับการยกย่องย่องว่าเป็นนักเตะที่มีเทคนิคที่ยอดเยี่ยม เล่นลูกกลางอากาศได้ดี รวมถึงขึ้นชื่อว่าเป็นนักเตะจอมขยันรายหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการไล่บอล การไล่บีบผู้เล่นฝ่ายตรงข้าม ได้อย่างยอดเยี่ยม

“ซิโร อิมโมบิเล่” ยังได้รับการยกย่องว่าเป็นนักเตะที่เล่นอย่างเป็นทีม ซึ่งเขามักแอสซิสต์ให้กับเพื่อนร่วมทีมอยู่บ่อยครั้ง

The post ดาวยิงฟอร์มร้อน ซิโร อิมโมบิเล่ (Ciro Immobile) first appeared on ผลบอลสด บ้านผลบอล ผลบอลวันนี้ 7m 888 Livescore.]]>
กอลกลางเลือดแซมบ้า คาร์ลอส เฮนริเกว้ คาซิมิโร่ (Carlos Henrique Casemiro) https://www./%e0%b8%84%e0%b8%b2%e0%b8%8b%e0%b8%b4%e0%b8%a1%e0%b8%b4%e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b9%88-carlos-henrique-casemiro/ Wed, 27 Mar 2019 04:02:17 +0000 https://www./?p=30158 คาร์ลอส เฮนริเกว้ คาซิมิโร่ คือชื่อเต็มๆของนักฟุตบอลดาว[...]

The post กอลกลางเลือดแซมบ้า คาร์ลอส เฮนริเกว้ คาซิมิโร่ (Carlos Henrique Casemiro) first appeared on ผลบอลสด บ้านผลบอล ผลบอลวันนี้ 7m 888 Livescore.]]>
กอลกลางเลือดแซมบ้า คาร์ลอส

คาร์ลอส เฮนริเกว้ คาซิมิโร่ คือชื่อเต็มๆของนักฟุตบอลดาวรุ่งพุ่งแรงอย่าง คาเซมิโร่ ผู้ซึ่งเกิดในวันที่ 23 ก.พ. 1992 คาเซมิโร่ สามารถออกเสียงตามภาษาบราซิเลี่ยนโปรตุกีสเป็นอักษรโฟเนติกได้ว่า [kaziˈmiɾu] ปัจจุบัน คาเซมิโร่ เป็นนักเตะสัญชาติบราซิเลี่ยนที่ลงเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรับ ให้กับสโมสรชั้นนำของลาลีก้าสเปน อย่าง “ราชันย์ชุดขาว” เรอัล มาดริด และยังติดทีมชาติบราซิลชุดใหญ่อยู่อีกด้วย

ฟอร์มของ คาเซมิโร่ นั้น ฉายแววรุ่งโรจน์ตั้งแต่ยังเด็ก โดยเริ่มที่สโมสรดังของบราซิลอย่าง เซา เปาโล ซึ่งเป็นสโมสรที่เขาจัดการกดไป 11 ประตูในการลงแข่งนัดที่เป็นทางการ 112 เกมด้วยกัน ทั้งที่เขาเล่นในตำแหน่งกองกลางตัวรับ และจากนั้นดวงของเขาก็พุ่งทะยานขึ้น ด้วยการที่ฟอร์มไปเข้าตาทีมดังอย่าง เรอัล มาดริด จนทีมราชันย์ทนไม่ไหว ต้องยื่นค่าสินสอดเพื่อลักพาตัวเข้าซานติอาโก้ เบอร์นาบิว ถิ่นของ เรอัล มาดริด ในปี 2013 ในที่สุด แต่ถึงกระนั้น คาเซมิโร่ ก็ยังไม่ได้ลงเล่นกับทีม เพราะต้องถูก เอฟซี ปอร์โต้ ยืมตัวไปลงเล่น 1 ฤดูกาลเป็นการเตรียมความพร้อม ก่อนจะกลับมาเข้าทีมมาดริด และร่วมเป็นส่วนหนึ่งของทีมในการคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้ถึง 4 สมัย คือในช่วงปี 2013 – 14 , 2015 – 16 , 2016 – 17 และ 2017 – 18 ได้ในที่สุด

ทางด้านการลงเล่นในนามทีมชาตินั้น คาเซมิโร่ ติดทีมชาติบราซิลมาตั้งแต่ปี 2011 และ คาเซมิโร่ ก็ได้เป็นส่วนหนึ่งของขุนพลทีมแซมบ้าร่วมทัพลุยศึกโคปา อเมริกา ในปี 2015 และ 2016 รวมถึงรายการสำคัญระดับโลกอย่าง ฟีฟ่าเวิร์ลคัพ 2018 หรือชื่อที่คุ้นหูคือ ฟุตบอลโลก 2018 นั่นเอง

ประวัติการค้าแข้งระดับสโมสร

ประวัติการค้าแข้งระดับสโมสร

เซาเปาโล

เนื่องจากตัว คาเซมิโร่ นั้นเกิดที่เซา โจเซ่ ดอส คัมโปส เมือง เซา เปาโล จึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่ คาเซมิโร่ จะเติบโตในโลกของฟุตบอล ด้วยการเป็นผลผลิตจากทีมอะคาเดมี่ของสโมสร เซา เปาโล เอฟซี โดยตั้งแต่ คาเซมิโร่ อายุ 11 ปีเป็นต้นมา เขาก็ได้นับบทบาทกัปตันทีมเยาวชน ซึ่งก็สมกับฉายาของเขา “คาร์เลา” ซึ่งแผลงมาจากคาร์ลอส ชื่อหน้าของเขา โดยมีความหมายในภาษาโปรตุกีสว่า การพัฒนาอย่างโดดเด่นและรวดเร็ว ซึ่งนั่นทำให้ไม่ใช่เรื่องแปลก ที่ คาเซมิโร่ จะถูกเรียกตัวติดทีมชาติบราซิลในชุดลุยศึกฟุตบอลโลก 2009 รุ่นอายุต่ำกว่า 17 ปี

คาเซมิโร่ ได้รับโอกาสในการลงเล่นลีกเซเรียเอของบราซิลเป็นครั้งแรกในวันที่ 25 ก.ค. 2010 แต่นัดดังกล่าว สโมสร เซา เปาโล ของ คาเซมิโร่ ต้องประสบกับความพ่ายแพ้ โดยต้องปราชัยให้กับทีม ซานโตส เอฟซี แต่นั่นไม่สามารถหยุดความร้อนแรงของเขาได้ คาเซมิโร่ เริ่มซัดประตูแรกในเกมทางการได้เมื่อวันที่ 15 ส.ค. 2010 โดยประตูของเขามีส่วนช่วยให้ทีม เซา เปาโล ยันเสมอทีมดังอย่าง ครูไซโร่ เอสปอร์เต้ คลูเบ้

ในวันที่ 7 เม.ษ. 2012 คาเซมิโร่ ยิงประเดิมเกมพบกับ โมกิ มิริม เอสปอร์เต้ ที่สนามอารีน่า บารูเอรี่ ก่อนที่จะจบเกมไปด้วยชัยชนะของ เซา เปาโล 2 – 0 ในเกมคัมเปโอนาโต้ เปาลิสต้า หลังจากลงเป็นตัวสำรองแทน ฟาบริซิโอ้ ที่ได้รับบาดเจ็บ ฤดูกาลดังกล่าวจบลงด้วยการที่ เซา เปาโล คว้าแชมป์โคปา ซูดาเมริกาน่า โดยที่ คาเซมิโร่ นั้นลงมาเป็นตัวสำรอง 1 นัด ในนัดเอาชนะทีมอย่าง คลับ ยูนิเวอร์ซิดัด เดอ ชิลี ไปอย่างมโหฬาร 5 – 0 ในรอบก่อนรองชนะเลิศเลกสอง เมื่อวันที่ 7 พ.ย. 2012

ฟอร์มการเล่นของ คาเซมิโร่ ในปี 2012 สร้างชื่อให้กับตัวเขาเป็นอย่างยิ่ง จนไปเข้าตาทีม เรอัล มาดริด จนในที่สุด ในช่วงปลายเดือน ม.ค. ปี 2013 เรอัล มาดริด ก็ขอยืมตัวมาที่สโมสร โดยได้รับมอบหมายให้ลงเล่นในทีมบี ซึ่งอยู่ในเซกุนด้า ดิวิชั่น และลงเล่นเกมแรกในวันที่ 16 ก.พ. โดยลงเล่นเป็น 1 ใน 11 ตัวจริง ซึ่งนัดดังกล่าว ทีมบีของมาดริดเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ให้กับทีม ซีอี ซาบาเดลล์ เอฟซี

คาเซมิโร่ ได้รับโอกาสในการลงเล่น

คาเซมิโร่ ได้รับโอกาสในการลงเล่นในเกมลา ลีกา เป็นครั้งแรกในวันที่ 20 เม.ษ. 2013 ซึ่งเขาลงเล่นเต็มเวลา 90 นาที ในนัดที่พบกับสโมสร เรอัล เบติส และเป็นทีมของ คาเซมิโร่ ที่เอาชนะไปได้ 3 – 1 และต่อมาในวันที่ 2 มิ.ย. เขาก็ทำประตูแรกในนามสโมสร เรอัล มาดริด ได้ ซึ่งถือเป็นประตูแรกในยุโรปของเขาด้วย ด้วยการยิงเบิกร่องก่อนทีมมาดริดจะเอาชนะ เอดี อัลคอร์ค่อน ไปได้ 4 – 0 ที่สนามอัลเฟรโด ดิ สเตฟาโน่ สเตเดี้ยม และในอีก 8 วันต่อมา เรอัล มาดริด ก็ยื่นค่าสินสอดขอซื้อตัวอย่างเป็นทางการ ด้วยราคา 18.738 ล้านเรียล (สกุลเงินบราซิล) และเซ็นสัญญาทั้งหมด 4 ปี

แต่หลังจากซื้อตัวถาวร เรอัล มาดริด ก็ปล่อย คาเซมิโร่ ให้ทีม เอฟซี ปอร์โต้ ยืมตัวก่อน 1 ฤดูกาลเต็มๆ ตั้งแต่วันที่ 19 ก.ค. 2014 และที่ ปอร์โต้ คาเซมิโร่ ได้ลงเล่นทั้งหมด 40 เกมด้วยกัน ซัดไปได้ 4 ตุง ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นลูกฟรีคิกเมื่อวันที่ 10 มี.ค. 2015 ในนัดที่เอาชนะ เอฟซี บาเซิล ไปได้ 4 – 0 (ผลรวม 5 – 1) ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายของรายการยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

อย่างไรก็ตาม วันที่ 5 มิ.ย. 2015 คาเซมิโร่ ก็กลับมายัง เรอัล มาดริด และเขาก็ได้รับการขยายสัญญาออกไปอีกจนถึงปี 2021 และในวันที่ 31 มี.ค. ของปีต่อมา เขาจะจัดการซัดประตูแรกรับการกลับมาของเขาได้ในนาทีที่ 89 จากลูกเปิดมุมของ เจเซ่ ทำให้ เรอัล มาดริด เอาชนะ ยูดี ลาส พัลมาส ไปได้ 2-1

หลังจากรับบทบาทนักเตะสำรองภายใต้การคุมทีมของ ราฟาเอส เบนิเตซ มาหลายช่วงหลายตอน จนกระทั่งเปลี่ยนผ่านมาเป็น ซีเนอดีน ซีดาน ที่เข้ามาคุมทัพแทน ในสายตา ซีดาน คาเซมิโร่ คือตัวเลือกอันดับ 1 ของเขา ซึ่ง คาเซมิโร่ ได้ลงเล่นในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ไปทั้งหมด 11 นัดตลอดการแข่งขัน และในนัดชิงชนะเลิศ คาเซมิโร่ ได้ลงเล่นเต็มเวลา 120 นาที ซึ่งเป็นการเสมอกับทีมดังร่วมเมืองอย่าง แอตเลติโก้ มาดริด ก่อนจะดวลจุดโทษเอาชนะคว้าแชมป์ไปได้ในที่สุด

ในช่วงฤดูกาล 2016 – 17 เขาซัดไปทั้งหมด 4 ประตูจาก 25 นัด ช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ลีกได้หลังจากห่างหายไปนานถึง 5 ปี โดยเขาซัดระยะไกลทำประตูให้ทีมในนัดชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เอาชนะทีมดังจากอิตาลีอย่าง ยูเวนตุส ไปได้ 4 – 1 รวมถึงทำประตูในเอาดวลกับทีมปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ให้ทีมมาดริดขึ้นนำ ก่อนจะพ่ายไป 2 – 1 ในที่สุด ในศึกยูฟ่า ซูเปอร์คัพ

ระหว่างฤดูกาล 2017 – 18 ในรายการแชมเปี้ยนส์ลีก คาเซมิโร่ ลงเล่นไปทั้งหมด 13 นัด ทำประตูได้ 1 ลูก ซึ่งทีมมาดริด ก็คว้าแชมป์รายการนี้ได้อีกครั้ง เป็นครั้งที่ 13

การลงเล่นในนามทีมชาติ

การลงเล่นในนามทีมชาติ

หลังจากลงเล่นในชุดอายุต่ำกว่า 20 ปี ในรายการ 20122 เซาท์ อเมริกัน แชมเปี้ยนชิพ คาเซมิโร่ ก็ถูกเรียกตัวติดทีมชาติชุดใหญ่ในวันที่ 14 ก.ย. 2011 ซึ่งนัดดังกล่าว เสมอกับทีมดังร่วมทวีปอย่าง ฟ้าขาว อาร์เจนติน่า ไปอย่างไร้สกอร์ 0 – 0 ซึ่งขณะนั้น คาเซมิโร่ มีอายุแค่ 19 ปี คาเซมิโร่ ยังมีชื่อติดชุดลุยศึกโคปา อเมริกา 2015 แต่ไม่ได้รับโอกาสในการลงสนามเลย จนกระทั่งถูกชิลี เขี่ยตกรอบไปในรอบก่อนรองชนะเลิศ และในเดือน พ.ค. 2018 คาเซมิโร่ ก็ถูก ผจก. ติเต้ เรียกติดชุดขุนพลลุยศึกฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย เขาลงสนามนัดแรก ในวันที่ 17 มิ.ย. โดยลงเล่นไปทั้งหมด 60 นาที ในรอบแบ่งกลุ่ม นัดดังกล่าวยันเสมอกับ สวิตเซอร์แลนด์ ไปได้ 1 – 1 ในที่สุด

The post กอลกลางเลือดแซมบ้า คาร์ลอส เฮนริเกว้ คาซิมิโร่ (Carlos Henrique Casemiro) first appeared on ผลบอลสด บ้านผลบอล ผลบอลวันนี้ 7m 888 Livescore.]]>
กองหน้าตัวเป้า แอชลี่ย์ ลุค บาร์นส์ (Ashley Luke Barnes) https://www./%e0%b9%81%e0%b8%ad%e0%b8%8a%e0%b8%a5%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b8%a2%e0%b9%8c-%e0%b8%a5%e0%b8%b8%e0%b8%84-%e0%b8%9a%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b9%8c%e0%b8%99%e0%b8%aa%e0%b9%8c/ Tue, 26 Mar 2019 08:26:49 +0000 https://www./?p=29984 แอชลี่ย์ ลุค บาร์นส์ เกิดวันที่ 30 ตุลาคม 1989 เป็นนักฟ[...]

The post กองหน้าตัวเป้า แอชลี่ย์ ลุค บาร์นส์ (Ashley Luke Barnes) first appeared on ผลบอลสด บ้านผลบอล ผลบอลวันนี้ 7m 888 Livescore.]]>
กองหน้าตัวเป้า แอชลี่ย์ ลุค บาร์นส์

แอชลี่ย์ ลุค บาร์นส์ เกิดวันที่ 30 ตุลาคม 1989 เป็นนักฟุตบอลอาชีพเล่นตำแหน่งกองหน้า ให้ เบิร์นลี่ย์ ในพรีเมียร์ลีก

บาร์นส์ เคยเป็นนักเตะของ พอลตัน โรเวอร์ส, พลัมัธ อาร์ไกล์, อ๊อกซ์ฟอร์ด ยูไนเต็ด, ซาลิสบิวรี่ ซิตี้ อีสต์บอร์น โบโร่, ทอร์คีย์ ยูไนเต็ด และ ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน เขาติดทีมชาติออสเตรียในระดับทีมชาติ และได้ลงสนามเพียงเกมเดียวในระดับยู 20

เส้นทางสายอาชีพ

ระดับเยาวชนกับ พลีมัธ อาร์ไกล์

เมื่อสมัยที่เป็นเด็ก บาร์นส์ ลงสนามให้ทีมพลีมัธ ซึ่งเพื่อนร่วมทีมของเขาชื่อว่า สก็อตต์ ซินแคลร์ เขาเริ่มต้นเล่นฟุตบอลระดับอาชีพโดยลงสนามตำแหน่งกองหน้า โดยเล่นกับทีมท้องถิ่นชื่อว่า พอลตัน โรเวอร์ในเซาเทิร์น ลีก เขาขยายสัญญาเพื่อลงเล่นกับ พลีมัธ อาร์ไกล์ เมื่อเดือนมีนาคม 2007 และได้ต่อสัญญาเพิ่มไปอีก 18 เดือน เขายิงประตูได้มากมายกับทีมสำรอง โดยเขาได้ลงสนามให้ทีมชุดใหญ่ ในฟุตบอลลีกคัพรอบแรกเมื่อเดือนสิงหาคม 2007 เกมที่แข่งกับ วีคอมบ์ วันเดอเรอร์ โดยลงสนามเป็นตัวสำรองแทนที่ของ ซิลแว็ง อีแบงค์-เบล็ค

เขามีโอกาสลงสนามให้ทีมชุดใหญ่อีกครั้งเกมที่เขาถูกไล่ออกจาก ลีกคอนเฟอเรนซ์ เกมที่เล่นให้ อ๊อกซ์ฟอร์ด ยูไนเต็ด รวมถึงเกมเอฟเอคัพที่เสมอ เซาเอนด์ ยูไนเต็ด ก่อนที่จะกลับมาเล่นกับ พลีมัธ อาร์ไกล์ เขาถูกไล่ออกอีกครั้งในเกมระดับคอนเฟอเรนซ์ เมื่อเดือนมีนาคม 2008 โดยคราวนี้เมื่ออยู่กับทีม ซาลิสบิวรี่ ซิตี้ เขาได้ลงสนาม 5 เกมให้ทีม ก่อนที่จะยิงประตูไม่ได้เลย

บาร์นส์ ถูกยืมตัวอีกครั้งเป็นครั้งที่สาม เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2008 กับทีม อีสบอร์น โบโร่ โดยลงสนามคู่กับ ดาเนียล สมิธ เขาสร้างผลงานได้น่าประทับใจและก็ได้ต่อสัญญาเพิ่มขึ้นไปอีก 1 เดือน และย้ายไปอยู่กับ พลีมัธ อาร์ไกล เมื่อเดือนมกราคม 2009 และได้ลงสนามแข่งกับ บริสตอล ซิตี้ เขาได้ลงสนามเกมลีกเป็นครั้งแรก เกมที่พบ วูลฟ์ ที่ โมลินิวซ์ กราวนด์ ต่อมาเขายิงประตูได้เกมที่พบ โคเวนทรี่ ซิตี้ เขาเล่นได้อย่างดีในครึ่งฤดูกาลหลังของฤดูกาล 2008/09 เมื่อเขาได้เซ็นสัญญาต่อไปอีก สองปี เมื่อเดือนพฤษภาคม 2009

เขาร่วมทีมกับสองสโมสร คือ ทอร์คีย์ ยูไนเต็ด ด้วยสัญญายืมตัว เมื่อช่วงจบฤดูกาลในเดือนกุมภาพันธ์ 2010 ก่อนที่จะย้ายทีมในอีกหนึ่งเดือนต่อมา โดยได้ลงสนามกว่า 6 เกม

บาร์นส์ ได้ก้าวหน้าขึ้นชั้นมา

ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน

บาร์นส์ ได้ก้าวหน้าขึ้นชั้นมาเล่นในลีกวัน กับไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน ด้วยสัญญายืมตัวจนกระทั่งจบฤดูกาล เขายิงประตูแรกได้เกมที่พบ ทรานเมียร์ โรเวอร์ ในอีกสองวันต่อมา โดนเขาใช้เวลาเพียงสิบนาทีหลังจากที่ถูกเปลี่ยนตัวลงสนาม

วันที่ 8 กรกฎาคม 2010 บาร์นส์ ได้เซ็นสัญญาสองปีกับ ไบรท์ตัน หลังจากที่ย้ายทีมแบบไม่เปิดเผยค่าตัวจาก พลีมัธ อาร์ไกล์ วันที่ 12 เมษายน 2011 เขายิงประตูตัดสินชัยเกมที่เปิดบ้านชนะ ดาเกนแน่ม แอนด์ เร้ดบริดจ์ ที่ซึ่งต่อมาทีมก็ได้เลื่อนชั้นขึ้นสู่แชมเปี้ยนชิพ บาร์นส์ จบฤดูกาลกับ ไบรท์ตัน ด้วยการจบเป็นรองดาวซัลโว เป็นรองแค่ เกล็น เมอร์เรย์ โดยเขายิงได้ 20 ลูกจาก 49 นัด

ฤดูกาล 2011/12 บาร์นส์ ได้ลงสนามในฐานะกองหน้าตัวเป้าคนแรกของทีม ได้ลงสนามในแชมเปี้ยนชิพ เขาจบฤดูกาลกับ ไบรท์ตัน โดยเป็นดาวซัลโว ยิงได้ 14 ลูกในทุกรายการ (11 ลูกในลีก)

วันที่ 9 มีนาคม 2013 บาร์นส์ ได้รับใบแดงช่วงทดเวลาบาดเจ็บ เกมที่แข่งกับ โบลตัน วันเดอเรอร์ส จากจังหวะที่เข้าไปแตะตัวผู้ตัดสิน ทำให้เขาต้องถูกแบนกว่า 7 เกมจากสมาคมฟุตบอลอังกฤษ ทางแฟนบอลและผู้จัดการทีม กุส โปเย่ต์ กล่าวว่าเป็นวิกฤตของทีมอย่างแท้จริงเพราะว่ามีศูนย์หน้าให้ใช้งานได้เพียงคนเดียว โดยที่ เคร็ก แม็คเคล สมิธ และ วิล ฮอสกิ้นส์ ก็บาดเจ็บต้องพักยาวจนจบฤดูกาล โดยเขาได้กลับมาลงสนามอีกครั้งเกมวันที่ 20 เมษายน บาร์นส์ ยิงได้สองประตูเกมที่ชนะเหนือ แบล็คพูล 6-1 และเกมนั้นเขาได้ แมน ออฟ เดอะ แมตช์ด้วย

บาร์นส์ เข้าร่วมทีม เบิร์นลี่ย์

เบิร์นลี่ย์

วันที่ 10 มกราคม 2014 บาร์นส์ เข้าร่วมทีม เบิร์นลี่ย์ ด้วยค่าตัวที่ไม่เปิดเผย โดยเซ็นสัญญากว่า 3 ปีครึ่ง วันที่ 8 พฤศจิกายน เขายิงได้เพียงลูกเดียวที่สนามเทิร์ฟ มัวร์ เกมที่พบ ฮัลล์ ซิตี้ และทำให้ทีม เบิร์นลี่ย์ ชนะนัดแรกของฤดูกาล เขายิงประตูที่สองเกมวันที่ 13 ธันวาคม สำหรับเกมในบ้านที่มีชัยเหนือ เซาแธมป์ตัน ทำให้ทีมรอดพ้นจากการตกชั้นได้

เดือนกุมภาพันธ์ 2015 บาร์นส์ ได้เข้าปะทะอย่างหนักกับ เนมานย่า มาติช ของ เชลซี และเขาต้องถูกใบแดงไล่ออกจากสนาม และเอฟเอยืนยันว่าจะไม่ลดโทษเขา จากการเข้าสกัดบอลครั้งนี้ บาร์นส์ ได้รับการวิจารณ์จากกุนซือ โชเซ่ มูรินโญ่ ว่า “เขาเป็นบุคคลที่น่ารังเกียจมาก”

วันที่ 24 พฤษภาคม 2015 เบิร์นลี่ย์ ต้องตกชั้นหลังจบฤดูกาลหลังจากที่ชนะ แอสตัน วิลล่า และเกมนั้น บาร์นส์ ได้รับบาดเจ็บ หลังจากเกมนั้นด้วย

วันที่ 3 มีนาคม 2018 เขาเขียนหนังสือพ็อคเก็ต บุ๊คของตัวเอง พร้อมยิงประตูที่ 16 ในพรีเมียร์ลีก เกมที่ เบิร์นลี่ย์ ชนะ เอฟเวอร์ตัน 2-1ประตูที่ 16 ของเขาเป็นปะตูที่ 9 ของฤดูกาล (ลีก) ที่ทำให้เขานำดาวซัลโวของพรีเมียร์ลีก นับตั้งแต่ก่อตั้งมาเมื่อปี 1992

ระดับชาติ

บาร์นส์ เกิดที่เมืองบาธ มีพ่อแม่เป็นชาวอังกฤษ แต่ว่าเล่นทีมชาติออสเตรียได้ตามย่าของเขาที่ย้ายมาจากเมืองคลาเก้นเฟิร์ต เขาลงสนามให้ออสเตรีย ยู 20 เกม ในทัวร์นาเม้นต์สี่เส้า ออสเตรีย,เยอรมัน, อิตาลี และ สวิตเซอร์แลนด์ โดยลงสนามนาที 73 โดยแทนที่ของ จูเลียส เพอร์สเตลแลร์ นักเตะ วัคเกอร์ อินส์บรู๊ก ท่ามกลางผู้ชม 250 คน

บาร์นส์ เกิดที่เมืองบาธ

The post กองหน้าตัวเป้า แอชลี่ย์ ลุค บาร์นส์ (Ashley Luke Barnes) first appeared on ผลบอลสด บ้านผลบอล ผลบอลวันนี้ 7m 888 Livescore.]]>
มิดฟิลด์ฟอร์มแจ่ม โกร็องแต็ง โตลิสโซ่ (Corentin Tolisso) https://www./%e0%b9%82%e0%b8%81%e0%b8%a3%e0%b9%87%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b9%81%e0%b8%95%e0%b9%87%e0%b8%87-%e0%b9%82%e0%b8%95%e0%b8%a5%e0%b8%b4%e0%b8%aa%e0%b9%82%e0%b8%8b%e0%b9%88/ Tue, 26 Mar 2019 07:51:04 +0000 https://www./?p=29977 โกร็องแต็ง โตลิสโซ่ เกิดวันที่ 3 สิงหาคม 1994 เป็นนักฟุ[...]

The post มิดฟิลด์ฟอร์มแจ่ม โกร็องแต็ง โตลิสโซ่ (Corentin Tolisso) first appeared on ผลบอลสด บ้านผลบอล ผลบอลวันนี้ 7m 888 Livescore.]]>
โตลิสโซ่ เริ่มเล่นฟุตบอลกับทีมท้องถิ่น

โกร็องแต็ง โตลิสโซ่ เกิดวันที่ 3 สิงหาคม 1994 เป็นนักฟุตบอลอาชีพชาวฝรั่งเศส เล่นฟุตบอลตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวกลาง กับทีม บาเยิร์น มิวนิค และทีมชาติฝรั่งเศส

หลังจากที่ฝึกซ้อมด้านฟุตบอลกับอะคาเดมี่ของ ลียง เขาได้เป็นนักฟุตบอลอาชีพในปี 2013 ลงสนามกว่า 160 เกมยิงได้ 29 ประตู โตลิสโซ่ ย้ายมาร่วมทีม บาเยิร์น มิวนิค ด้วยค่าตัว 41.5 ล้านยูโร เมื่อซัมเมอร์ปี 2017

โตลิสโซ่ ติดทีมชาติฝรั่งเศสในระดับเยาวชน ก่อนที่จะขยับขึ้นชั้นมาเล่นชุดใหญ่ปี 2017 เขาได้อยู่ในทีมชุดแชมป์โลก ปี 2018

ระดับสโมสร

โตลิสโซ่ เริ่มเล่นฟุตบอลกับทีมท้องถิ่น ตาราเร่ และทีมบ้านเกิด แอมเพิลพุยส์ โดยเขาได้ฝึกทักษะด้านการเข้าสกัดบอลอย่างหนักหน่วง แม่นยำ เขายังเล่นกองหน้าได้ด้วย เขายิงแฮตทริกได้เกมที่เสมอ 4-4 ที่พบ ลียง ด้วยวัย 11 ปี เขาเซ็นสัญญากับ ลียง อะคาเดมี่ในปี 2007 เมื่ออายุ 13 ปี

โอลิมปิก ลียง

ฤดูกาล 2013-2016

วันที่ 10 สิงหาคม 2013 ผู้จัดการทีม เรมี่ การ์ดจับ โตลิสโซ่ ลงสนามให้ทีมเป็นนัดแรก นาทีที่ 92 ลงสนามเป็นตัวสำรอง เกมฟุตบอลลีกเอิง ที่ชนะในบ้าน 4-0 เหนือ นีซ เกมนั้นเขาไม่ได้สัมผัสบอลเลย เขาได้ลงเล่นในฟุตบอลสโมสรยุโรปเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2013 เกมที่ชนะ เอชเอ็นเค ริเยก้า 1-0 เกมรอบแบ่งกลุ่ม ยูโรป้า ลีก 2013/14 ในอีกสัปดาห์ถัดมาเขาเซ็นสัญญาเป็นนักฟุตบอลอาชีพ โดยเซ็นสัญญาถึงปี 2017 วันที่ 9 มีนาคม 2014 เขายิงประตูแรกในเกมชุดใหญ่ในนาทีที่ 94 โดยเป็นประตูชัยให้ ลียง ชนะ 2-1 ในฟุตบอลลีกเอิง เกมเยือน ที่ชนะ บอร์กโดซ์ เขาเป็นตัวสำรองที่ไม่ได้ลงสนามมากนัก โดยบางครั้งเขาเคยถูกส่งลงเล่นแบ็กขวาแทนที่ มาฮามาดู ดาโบ และต่อมาก็เล่นมิดฟิลด์ตัวกลางแทนที่การเจ็บของ โยฮัน กูร์กคูฟฟ์ และ เกอิด้า โฟฟาน่า และต่อมา แกล็งมงต์ เกรอนิเย่ร์ เจ็บทำให้เขามีโอกาสลงสนามให้ทีมตัวจริงมากขึ้น

ระหว่างฤดูกาล 2014/15 เขาได้ลงสนามทุกนัด ยิงได้ 7 ลูก จบฤดูกาล โตลิสโซ่, นาบิล เฟคีร์ และ อันโทนี่ โลเปซ ที่ได้รับการต่อสัญญากับทีมต่อไป เขายังเล่นได้ดีในฤดูกาล 2015/16 ในฟุตบอลลีกเอิง ยิงได้ 5 ประตู และ 6 แอสซิสต์ พาทีมได้รองแชมป์ รองจาก เปแอสเช

โตลิสโซ่ เซ็นสัญญากับ ลียง

ฤดูกาล 2016/17

โตลิสโซ่ ได้ลงสนามให้ ลียง เกมที่พบ เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก เมื่อเดือนกรกฎาคม 2016 ด้วยฟอร์มของเขาเมื่อฤดูกาลที่แล้วทำให้มีหลายทีมอยากได้ตัวเขาไปร่วมทีม เดือนกรกฎาคม 2016 เขาปฏิเสธข้อเสนอจาก นาโปลี 37.5 ล้านยูโร โดยที่เขากล่าวว่าเขาอยากอยู่ที่ ลียง ต่อไป

โตลิสโซ่ ประเดิมสนามในฟุตบอลโทรเฟ่ เดส์ ชองปิยงส์ วันที่ 6 สิงหาคม 2016 เกมนั้น ลียง แพ้ทีมแชมป์ลีกเอิง ปารีส แซงต์ แชร์กแมง 4-1 เขายิงประตูได้ในนาที 87 แต่ว่าประตูดังกล่าวเป็นเพียงแค่ประตูปลอบใจเท่านั้น เขาได้ยิงประตูในฟุตบอลลีกเอิง ประตูแรก วันที่ 27 สิงหาคม เกมนั้นทีมไปเยือนแพ้ต่อ ดิฌง 4-2 ต่อมาวันที่ 14 กันยายน เกมแชมเปี้ยนส์ลีกรอบแบ่งกลุ่ม เขายิงประตูแรกนาทีที่ 13 เกมชนะ ดินาโม ซาเกร็บ 3-0

วันที่ 2 ตุลาคม 2016 กัปตันทีมมักซิม โกนาลงส์ และรองกัปตันทีม อเล็กซองดร์ ลากาแซ็ตต์ เจ็บ เขาได้มีโอกาสสวมปลอกแขนกัปตันทีมและได้เป็นกัปตันทีม ลียง เป็นนัดแรก ในเกม โรน ดาร์บี้ ที่แข่งกับ แซงต์ เอเตียน เกมประเดิมสนามใหม่ของ ลีลง ปาร์ค โอลิมปิก ลียง วันที่ 5 กุมภาพันธ์ เขาได้รับใบแดงใบแรกจากการฟาวล์ฟาเบียน เลอโมนช่วงทดเวลาบาดเจ็บ เกมนั้น ริชาร์ด เกซซาล ก็ถูกใบแดงจังหวะที่ฟาวล์เลอโมนเหมือนกัน

โดยประธานสโมสร ฌอง-มิเชล โอลาส กล่าวว่านักเตะทั้งสองคนต้องถูกลงโทษจากการกระทำดังกล่าว อย่างไรก็ตามหลังจากที่จบฤดูกาล 2016/17 เขาจบฤดูกาลด้วยการยิง 14 ประตู 7 แอสซิสต์ ลงสนาม 47 นัดในทุกรายการให้ ลียง เขามีชื่อติดทีมยอดเยี่ยมของฟุตบอลยูโรป้า ลีกด้วย

บาเยิร์น มิวนิค ได้เซ็นสัญญากับ โตลิสโซ่

บาเยิร์น มิวนิค

ฤดูกาล 2017/18

วันที่ 14 มิถุนายน 2017 ทีมจากบุนเดสลีกา บาเยิร์น มิวนิค ได้เซ็นสัญญากับ โตลิสโซ่ ด้วยสัญญา 5 ปีจาก ลียง ด้วยค่าตัวเริ่มต้น 41.5 ล้านยูโร โดยอาจจะเพิ่มอีก 6 ล้านยูโร ขึ้นอยู่กับโบนัสในการลงสนาม ซึ่งเขาเป็นนักเตะที่ ลียง ขายออกได้แพงที่สุด แต่ว่าสถิติดังกล่าวต้องถูกทำลายลงเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2017 โดย อเล็กซองดร์ ลากาแซ็ตต์ ย้ายไป อาร์เซน่อล ด้วยค่าตัว 53 ล้านยูโร และเป็นการทำลายสถิติซื้อนักเตะแพงที่สุดของทีมเสือใต้ ก่อนหน้านี้ทีมเซ็นสัญญากับ ฆาบี้ มาร์ติเนซ จาก แอธเลติก บิลเบา ในเดือนสิงหาคม 2012

เขาได้ลงสนามให้ บาเยิร์น นัดแรกวันที่ 5 สิงหาคม โดยได้เตะลูกโทษเกมที่ชนะ ดอร์ทมุนด์ ในรายการ เยอรมัน ซูเปอร์คัพ เขายิงประตูในบุนเดสลีกาเกมแรกวันที่ 5 ธันวาคม 2017 เป็นเกมแชมเปี้ยนส์ลีก โดยที่เขาลงสนามเกมสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่มเกมนั้นทีมชนะ เปแอสเช 3-1 แต่ก็ไม่เพียงพอที่ทีมเสือใต้ จะเป็นทีมแชมป์กลุ่ม วันที่ 3 เมษายน 2018 เขายิงได้สองประตูในเกมเยือนชนะ ไฟร์บวร์ก 4-0

วันที่ 7 เมษายน โตลิสโซ่ ลงสนามมาเป็นตัวสำรองเกมที่ชนะ เอาก์สบวร์ก 4-1 คว้าแชมป์ฟุตบอลลีกทั้งที่เหลือเกมการแข่งขันอีก 5 เกม

ฤดูกาล 2018/19

โตลิสโซ่ ออกสตาร์ทหลังจากที่เป็นแชมป์ฟุตบอลโลก 2018 กับทีมชาติฝรั่งเศส โดยเขาลงสนามเกมนัดที่สามที่แข่งกับ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น วันเสาร์ที่ 15 กันยายน หลังจากที่บาดเจ็บ กุนซือทีมชาติฝรั่งเศส ดิดิเย่ร์ เดส์ช็องป์ กล่าวว่า “โตลิสโซ่ หายจากการบาดเจ็บและลงสนามได้อย่างแข็งแกร่ง” เชื่อกันว่าฤดูกาล 2018/19 ที่กำลังแข่ง เขาจะเล่นได้ดีกว่าที่เป็นอยู่ โดย บาเยิร์น มิวนิค ได้ไปฝึกซ้อมช่วงปรีซีซั่นที่ กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ เขาก็ได้วิ่งจ๊อกกิ้งกับเพื่อนร่วมทีมโดยไม่มีปัญหาใดๆ และคาดหมายว่าเขาจะได้ลงสนามอีกครั้งช่วงเดือน มีนาคม 2019 จากการให้สัมภาษณ์ของ นิโก้ โควัช

โตลิสโซ่ เกิดที่ฝรั่งเศส

ระดับทีมชาติ

โตลิสโซ่ เกิดที่ฝรั่งเศส และติดทีมชาติตั้งแต่ชุดเยาวชน ตั้งแต่อายุ 21 ปี โดยเขาได้รับมอบหมายเป็นกัปตันทีม เขายังได้สิทธิ์เล่นให้ทีมชาติโตโกด้วย เนื่องจากมีบรรพบุรุษเป็นชาวโตโก ผู้จัดการทีมโตโก โคล้ด เลอ รัว เผยว่าเขาอยากจะให้ โตลิสโซ่ ลงสนามให้ทีมโตโก มากกว่าฝรั่งเศส แต่สุดท้ายเขาเลือกเล่นให้ฝรั่งเศสซึ่งเป็นสถานที่เกิดและเติบโต

เขาได้เล่นให้ทีมชาติทุกระดับอายุ เขาติดทีมชาติชุดใหญ่เป็นครั้งแรกเกมที่พบ ลักเซมเบิร์ก และ สเปน เมื่อเดือนมีนาคม 2017 เกมนั้นได้ลงประเดิมสนามวันที่ 28 มีนาคม 2017 โดยลงสนามแทนที่ของ โตม่าส์ เลอมาร์ นาที 80 เกมนั้นทีมแพ้สเปน 0-2 คาบ้าน

วันที่ 17 พฤษภาคม 2018 เขามีชื่อไปเล่นฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย เขาได้ลงสนามในเกมนัดแรก 78 นาที เกมนั้นทีมชนะออสเตรเลีย 2-1 เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน โตลิสโซ่ ไม่ได้ลงสนามในอีกสองเกมที่เหลือของรอบแบ่งกลุ่ม ที่แข่งกับเปรูและเดนมาร์ก วันที่ 16 มิถุนายน เขาได้ลงสนามแทนที่ แบลส มาตุยดี้ นาทีที่ 75 เกมที่ชนะอาร์เจนตินา 4-3 ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย วันที่ 6 กรกฎาคม เกมรอบควอเตอร์ไฟนอลเกมที่พบอุรุกวัย เขาจ่ายบอลให้ อองตวน กรีซมันน์ ยิงประตูและเกมนั้นทีมตราไก่ชนะ 2-0 ต่อมาเขาได้ลงสนามแทนที่ แบลส มาตุยดี้ นาที 86 เกมนั้นฝรั่งเศสชนะเบลเยียม 1-0 วันที่ 15 กรกฎาคม เกมรอบชิงชนะเลิศเขาได้ลงสนามนาทีที่ 73 ลงมาแทนที่ มาตุยดี้ และทีมก็ชนะได้ 4-2 คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกเป็นสมัยที่สอง

ถึงแม้ว่า โตลิสโซ่ จะไม่ค่อยได้มีโอกาสลงสนามมากนัก แต่เมื่อได้ลงสนามเขาก็มักจะทำได้ดีและอายุเพียง 25 ปี เชื่อว่าเขาน่าจะเป็นกำลังหลักของทีมชาติฝรั่งเศสในอนาคตได้

มิดฟิลด์ฟอร์มแจ่ม โกร็องแต็ง

The post มิดฟิลด์ฟอร์มแจ่ม โกร็องแต็ง โตลิสโซ่ (Corentin Tolisso) first appeared on ผลบอลสด บ้านผลบอล ผลบอลวันนี้ 7m 888 Livescore.]]>
มิดฟิลด์ตังเก่ง ปาสกาล โกรสส์ (Pascal Gross) https://www./%e0%b8%9b%e0%b8%b2%e0%b8%aa%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a5-%e0%b9%82%e0%b8%81%e0%b8%a3%e0%b8%aa%e0%b8%aa%e0%b9%8c-pascal-gross/ Mon, 25 Mar 2019 07:32:02 +0000 https://www./?p=29796 ปาสกาล โกรสส์ หรือบางครั้งเรียกตามสำเนียงอังกฤษว่า กรอส[...]

The post มิดฟิลด์ตังเก่ง ปาสกาล โกรสส์ (Pascal Gross) first appeared on ผลบอลสด บ้านผลบอล ผลบอลวันนี้ 7m 888 Livescore.]]>
มิดฟิลด์ตังเก่ง ปาสกาล

ปาสกาล โกรสส์ หรือบางครั้งเรียกตามสำเนียงอังกฤษว่า กรอสส์ เกิดวันที่ 15 มิถุนายน 1991 เป็นนักฟุตบอลอาชีพชาวเยอรมัน ลงสนามตำแหน่งมิดฟิลด์ให้ ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน โกรสส์ เคยติดทีมชาติเยอรมันชุดเยาวชนมาแล้ว

เส้นทางลูกหนัง

ระดับเยาวชน

โกรสส์ ลงสนามเกมระดับอาชีพให้ทีมในบุนเดสลีกา กับ 1899 ฮอฟเฟ่นไฮม์ วันที่ 2 พฤษภาคม 2009 เกมที่แพ้ต่อ โวล์ฟบวร์ก 0-4 โดยลงมาเป็นตัวสำรองนาที 89 โดยลงมาแทน ชิเนดู โอบาซี่ เดือนมกราคม 2011 เขาย้ายไป คาร์ลสรูห์ ตามเพื่อนร่วมทีม มาร์โก เตอร์ราซซิโน่

อิงโกลสตัดท์

โกรสส์ ยิง 5 ประตูให้ทีม อิงโกลสตัดท์ ฤดูกาล 2016/17 แต่ว่าทีมตกชั้นจากบุนเดสลีกา เขาสร้างโอกาสมากมายให้เพื่อนร่วมทีมในฤดูกาลนั้น โดยสร้างโอกาสกว่า 95 ครั้ง

ไบรท์ตัน เซ็นสัญญา โกรสส์

ไบรท์ตัน

เดือนพฤษภาคม 2017 ไบรท์ตัน เซ็นสัญญา โกรสส์ ด้วยค่าตัว 3 ล้านยูโร เขาตกลงเซ็นสัญญา 4 ปีโดยค่าตัวจะเพิ่มขึ้นตามจำนวนประตูที่เขายิงได้กับ ไบรท์ตัน

เขาได้ลงสนามในพรีเมียร์ลีกวันที่ 12 สิงหาคม 2018 เกมที่บ้านแพ้ต่อ แมนฯซิตี้ 0-2 วันที่ 9 กันยายน เขายิงประตูให้ ไบรท์ตัน เป็นลูกแรก และลูกที่สองหลังจากจบครึ่งแรก ต่อมาเขาจ่ายแอสซิสต์ให้ โตเมอร์ เฮเหม็ด เกมที่เปิดบ้านชนะ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน 3-1 วันที่ 15 กันยายน ทีมไปเยือนและแพ้ต่อ บอร์นมัธ โกรสส์ จ่ายแอสซิสต์ให้ โซลลี่ มาร์ช ยิงประตูนำ 1-0

โกรสส์ จ่ายบอลให้เพื่อนร่วมทีมเข้าไปยิงประตูได้บ่อยครั้งในเดือนกันยายน และเขาได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมเดือนกันยายน เขาเป็นนักเตะคนสำคัญของ ไบรท์ตัน โดยมีส่วนเกี่ยวข้องกับ 4 ประตูของทีม

วันที่ 15 ตุลาคม 2017 โกรสส์ จ่ายแอสซิสต์ประตูที่สามของฤดูกาลให้ทีม โดยเปิดให้ แอนโทนี่ น็อคการ์ต เกมที่เสมอ 1-1 กับ เอฟเวอร์ตัน วันที่ 20 พฤศจิกายน เขายิงประตูให้ทีมเกมที่เปิดบ้านเสมอ สโต๊ค ซิตี้ 2-2 รวมแล้วเขายิงให้ทีมได้ 3 ลูก 5 แอสซิสต์

โกรสส์ จบฤดูกาลกับ ไบรท์ตัน โดยยิงได้ 7 ประตู 8 แอสซิสต์ รวมถึงเกมที่โหม่งประตูชัยเกมที่พบ แมนยูวันที่ 4 พฤษภาคม 2018 ซึ่งนั่นทำให้ โกรสส์ ได้รับการโหวตจากแฟนบอล ไบรท์ตัน ว่าเป็นนักเตะยอดเยี่ยมของฤดูกาล 2017/18 ด้วย วันที่ 6 มิถุนายน 2018 โกรสส์ ต่อสัญญากับทีม ซึ่งจะทำให้เขาอยู่กับทีมถึงปี 2022

โกรสส์ มีอายุ 28 ปี ซึ่งถือว่าเป็นจุดสูงสุดแล้วในอาชีพของเขา เขาถนัดกับการเล่นกองกลางและเป็นนักเตะคนสำคัญของทีม นกนางนวล ไบรท์ตัน ในการช่วยให้ทีมให้อยู่รอดในฤดูกาล 2018/19 ให้ได้

นักเตะคนสำคัญของทีม นกนางนวล

The post มิดฟิลด์ตังเก่ง ปาสกาล โกรสส์ (Pascal Gross) first appeared on ผลบอลสด บ้านผลบอล ผลบอลวันนี้ 7m 888 Livescore.]]>
ฟูลแบ็กเลือดฝอยทอง ชูเอา กานเซโล่ (Joao Cancelo) https://www./%e0%b8%8a%e0%b8%b9%e0%b9%80%e0%b8%ad%e0%b8%b2-%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%8b%e0%b9%82%e0%b8%a5%e0%b9%88-joao-cancelo/ Sun, 24 Mar 2019 08:39:54 +0000 https://www./?p=29700 ชูเอา เปโดร กาวาโก้ กานเซโล่ เกิดเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม[...]

The post ฟูลแบ็กเลือดฝอยทอง ชูเอา กานเซโล่ (Joao Cancelo) first appeared on ผลบอลสด บ้านผลบอล ผลบอลวันนี้ 7m 888 Livescore.]]>
ฟูลแบ็กเลือดฝอยทอง ชูเอา กานเซโล่

ชูเอา เปโดร กาวาโก้ กานเซโล่ เกิดเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 1994 เป็นนักฟุตบอลอาชีพชาวโปรตุเกสที่เล่นให้ทีมในลีกอิตาลี ยูเวนตุส และทีมชาติโปรตุเกส ปกติแล้วเขาเล่นแบ็กขวาแต่สามารถขยับไปเล่นปีกขวาหรือแบ็กซ้ายได้

เขาออกสตาร์ทกับ เบนฟิก้า เข้าร่วมทีมสโมสร บาเลนเซีย เมื่อปี 2014 เมื่ออายุ 20 ปีโดยย้ายทีมด้วยการยืมตัว เขาได้ลงสนามให้ทีม ตราค้างคาว 91 นัด และต่อมาย้ายมาร่วมทีม อินเตอร์ มิลาน ด้วยสัญญายืมตัว ก่อนที่จะเซ็นสัญญากับ ยูเวนตุส เมื่อปี 2018

เขาติดทีมชาติระดับเยาวชนทุกระดับ ติดทีมชาติโปรตุเกสในระดับเยาวชนกว่า 75 นัด ยิงได้ 3 ประตู และลงสนามให้ทีมชาติชุดใหญ่เมื่อปี 2016

เส้นทางลูกหนังอาชีพ

เบนฟิก้า

เกิดที่เมืองบาร์เรโร่ กานเซโล่ เริ่มเล่นฟุตบอลกับทีมท้องถิ่น บาร์เรเรนเซ่ เขาร่วมทีมเยาวชนของ เบนฟิก้า ปี 2007 เมื่ออายุ 13 ปี และในเวลานั้นเขาเล่นได้ทั้ง แบ็กซ้าย-ขวาแล้ว

วันที่ 28 กรกฎาคม 2012 กานเซโล่ เริ่มลงสนามให้ เบนฟิก้า ทีมชุดใหญ่ โดยลงสนามในเกมอุ่นเครื่องกับ จิล วิเซนเต้ ที่เขาได้ลงสนามตลอด 90 นาทีในตำแหน่งแบ็กขวา นอกจากนี้เขายังลงเล่นให้ทีมบี เมื่อมีโอกาสเขาจะได้ลงสนามแทนที่ของ มกซี่ เปเรย์ร่า ในทีมชุดใหญ่ จนกระทั่งปี 2013 เขาที่เป็นนักเตะจูเนียร์ และวันที่ 18 พฤษภาคม เป็นปีที่เขายิงได้ 2 ลูกเกมที่ชนะเหนือ ริโอ อาฟ พาทีมคว้าแชมป์เนชันแนล แชมเปี้ยนชิพ

กานเซโล่ ได้ลงสนามเกมแรกให้ เบนฟิก้า ชุดใหญ่ เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2014 โดยเขาลงสนามมาช่วงท้ายเกมที่เปิดบ้านชนะ 1-0 เหนือ จิล วิเซนเต้ ต่อมาเขาได้ลงสนามในฟุตบอลพรีเมร่า ลีกาโปรตุเกส และเขาได้ลงสนามท่ามกลางคนดูจำนวนมาก เกมที่ เบนฟิก้า แพ้ต่อ ปอร์โต้ 1-2

บาเลนเซีย

วันที่ 20 สิงหาคม 2014 กานเซโล่ ย้ายมาร่วมทีม บาเลนเซีย เป็นเวลาหนึ่งปี ด้วยสัญญายืมตัว เขาประเดิมสนามในเวทีลาลีกา เมื่อวันที่ 25 กันยายน โดยเป็นเกมที่เปิดบ้านชนะ คอร์โดบ้า 3-0 เขาจบฤดูกาลแรกด้วยการลงสนาม 13 นัด ในทุกรายการ

วันที่ 25 พฤษภาคม 2015 กานเซโล่ ตกลงเซ็นสัญญากับทีมจากสเปนอย่างถาวร จนกระทั่งวันที่ 30 มิถุนายน 2021 ด้วยค่าตัวย้ายทีม 15 ล้านยูโร เขายิงประตูแรกให้ทีม ค้างคาว เมื่อวันที่ 16 กันยายน ในฟุตบอลแชมเปี้ยนส์ลีก โดยเป็นเกมที่เปิดบ้านแพ้ เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก และยิงลูกแรกในลา ลีกา เกมวันที่ 20 เมษายน ที่ชนะ เออิบาร์ 4-0 ที่เมสตาย่า สเตเดี้ยม

กานเซโล่ ย้ายมาร่วมทีม อินเตอร์ มิลาน

อินเตอร์ มิลาน

วันที่ 22 สิงหาคม 2017 กานเซโล่ ย้ายมาร่วมทีม อินเตอร์ มิลาน ด้วยการยืมตัว 1 ปี ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2018 โดยมีออพชันที่ อินเตอร์ สามารถซื้อตัวเขาได้อย่างถาวร โดยสัญญานี้เป็นการแลกเปลี่ยนตัวกับ เจฟฟรี่ย์ กงด๊อกเบีย ที่ย้ายสลับทีมกัน เขาได้ลงสนามในฟุตบอลเซเรีย อาในอีก 4 วันต่อมา โดยลงสนามแทน อันโตนิโอ กันเดรว่า นาที 83 เกมนั้นทีมชนะ โรม่า 3-1

เขาเจ็บเข่าช่วงปลายเดือนสิงหาคม 2017 หลังจากที่ไปเล่นทีมชาติ และต้องพักกว่า 1 เดือนครึ่ง เขากลับมาลงสนามอีกครั้งเกม เกมดาร์บี้แมตช์เมืองมิลาน (ดาร์บี้ เดลล่า มาดอนนิน่า) ได้ลงสนาม 20 นาที

ยูเวนตุส

วันที่ 27 มิถุนายน 2018 กานเซโล่ เซ็นสัญญาย้ายร่วมทีม ยูเวนตุส ด้วยสัญญา 5 ปี ค่าตัว 40.4 ล้านยูโร ลงสนามเกมแรกให้ ยูเว่ ในฟุตบอลลีก วันที่ 18 สิงหาคม เกมที่เยือนชนะ คิเอโว่ เวโรน่า 3-2 เขายิงประตูเกมลีกเป็นประตูแรก วันที่ 27 มกราคม 2019 และเป็นเกมที่ ยูเว่ ชนะ ลาซิโอ 2-1 ที่สนามสตาดิโอ โอลิมปิโก้ ในกรุงโรม, เขาช่วยให้ทีมได้ลูกโทษ ทำให้เกมนั้นทีมได้ประตูชัย โดย คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เปลี่ยนเป็นสกอร์ 2-1

กานเซโล่ ติดทีมชาติโปรตุเกส

ระดับทีมชาติ

กานเซโล่ ติดทีมชาติโปรตุเกส ลุยฟุตบอลยูโร ยู19 ปี 2012 โดยไปแข่งที่ลิธัวเนีย ต่อมาในระดับยู 20 กานเซโล่ได้ ลงสนามในฟุตบอลโลก 2013(ระดับเยาวชน) และฟุตบอลตูลง 2014 เขาได้ลงสนามสองเกมและพาทีมเข้าถึงรอบ 16 ทีมสุดท้าย

เขาติดทีมชาติโปรตุเกส ยู21 ได้ลงแข่งรายการยูโร 2015 ลงสนามแทนที่แบ็กซ้าย ราฟาเอล เกอร์เรโร่ ในช่วงกลางครึ่งหลัง เกมนั้นทีมฝอยทอง ชนะเหนือเยอรมัน 5-0 และเขาได้ลงสนามเพียงเกมเดียวในทัวร์นาเม้นต์นั้น ต่อมาทีมได้แค่รองแชมป์เพราะแพ้ สวีเดน

กานเซโล่ ติดทีมชาติชุดใหญ่ครั้งแรก ภายใต้โค้ช เฟอร์นานโด้ ซานโต๊ส เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2016 ลงสนามเต็ม 90 นาทีเกมอุ่นเครื่องชนะ ยิบรอลต้า 5-0 ที่ ปอร์โต้ เมื่อวันที่ 1 กันยายน (เขายิงประตูที่สามให้ทีม) ต่อมาเดือนเดียวกันเขาลงสนามอีกสองเกม ในฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก ชนะ อันดอร์รา 6-0 และเยือนชนะ หมู่เกาะแฟโร 6-0

เดือนพฤษภาคม 2018 เขาติดทีม 35 คนไปในการคัดเลือกไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่รัสเซีย แต่ว่าสุดท้ายก็ไม่ได้ไป

กานเซโล่ เป็นนักเตะที่มีความเร็ว

สไตล์การเล่น

จากการกล่าวของสื่อ กานเซโล่ เป็นนักเตะที่มีความเร็ว มีพลังและเล่นเกมบุกได้ดี เขามีเทคนิคที่ดี ความคิดสร้างสรรค์เกม และครองบอลได้แม่นยำ เขาเล่นฟูลแบ็ก, ปีกได้ทั้งสองฝั่งซึ่งปกติแล้วเขาจะเล่นฝั่งขวาของสนาม

ชีวิตส่วนตัว

เดือนมกราคม 2013 เขาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์พร้อมมารดา ต่อมามารดาเขาเสียชีวิต แต่เขาเจ็บเล็กน้อย

ชีวิตส่วนตัวของ การเซโล่

The post ฟูลแบ็กเลือดฝอยทอง ชูเอา กานเซโล่ (Joao Cancelo) first appeared on ผลบอลสด บ้านผลบอล ผลบอลวันนี้ 7m 888 Livescore.]]>
สืบประวัติ เดวินสัน ซานเชส (Davinson Sanchez) https://www./%e0%b8%9b%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%95%e0%b8%b4-%e0%b9%80%e0%b8%94%e0%b8%a7%e0%b8%b4%e0%b8%99%e0%b8%aa%e0%b8%b1%e0%b8%99-%e0%b8%8b%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%8a%e0%b8%aa/ Sun, 24 Mar 2019 07:33:47 +0000 https://www./?p=29674 เดวินสัน ซานเชส (Davinson Sanchez mina) เกิดเมื่อวันที่[...]

The post สืบประวัติ เดวินสัน ซานเชส (Davinson Sanchez) first appeared on ผลบอลสด บ้านผลบอล ผลบอลวันนี้ 7m 888 Livescore.]]>
สืบประวัติ เดวินสัน ซานเชส (Davinson Sanchez)

เดวินสัน ซานเชส (Davinson Sanchez mina) เกิดเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 1996 ส่วนสูง 187 เซนติเมตร เป็นนักฟุตบอลชาวโคลัมเบียที่เล่นในตำแหน่งกองหลังตัวกลางในพรีเมียร์ลีกของอังกฤษ ปัจจุบันค้าแข้งอยู่กับสโมสรท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ รวมถึงมีชื่อติดเป็นนักเตะกองหลังทีมชาติโคลัมเบียด้วย เดวินสัน ซานเชส ถือว่าเป็นนักเตะของสเปอร์ที่ถูกเซ็นสัญญาเข้ามาด้วยค่าตัวเป็นสถิติของสโมสร 42 ล้านปอนด์

ประวัติการค้าแข้ง

Atletico nacional

เมื่อยังเป็นนักฟุตบอลในระดับเยาวชน เอดิสัน ซานเชซ เล่นอยู่กับสโมสรอเมริกา เดกาลี แต่หลังจากที่ครอบครัวต้องย้ายบ้านเขาก็ได้เปลี่ยนมาเล่นให้กับสโมสรแอตเลติโก นาซิอาล ซึ่งเขาได้เรียนรู้ในการเล่นฟุตบอลโดยมีโค้ชที่ชื่อว่า ฮวน คาลอส ออสโอริโอ โดยกองหลังรายนี้ได้มีโอกาสลงเล่นเป็นครั้งแรกในทีมชุดใหญ่เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2013 โดยในแมตช์นั้นทีมของเขาพ่ายให้กับสโมสร บายาก้า ชิโค ไป 1 ประตูต่อ 0 โดยโค้ชของเขาได้สนับสนุนให้เขาลงเล่นเป็น 11 นักเตะตัวจริงในแมตท์ดังกล่าวและได้ลงเล่นตลอด 90 นาที

เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2016 เดวินสัน ซานเชส ได้ยิงประตูแรกของเขาให้กับต้นสังกัดในแมตท์ ที่เอาชนะสโมสรสปอร์ติ้งคริสตัล จากประเทศเปรู ไป 3-0 ในศึกโคปาลิเบอร์ตาดอเรส ซึ่งจากฟอร์มการเล่นในแมตท์ดังกล่าวทำให้สโมสรต่างชาติมากมายให้ความสนใจในกองหลังรายนี้รวมถึงสโมสรอย่างบาร์เซโลน่า, ฟลามิงโก้ และอาแจ๊กส์อัมสเตอร์ดัม ก็ต่างให้ความสนใจที่จะเซ็นสัญญากับนักเตะรายนี้ โดยมีสโมสรบาร์เซโลน่า เป็นผู้ยื่นซื้อนักเตะรายนี้เข้ามาเป็นรายแรกๆแต่อย่างไรก็ตาม เดวินสัน ซานเชส ได้ปฏิเสธข้อเสนอนี้ไปเนื่องจากเขาไม่ต้องการไปเล่นฟุตบอลในทีมชุดบาร์เซโลน่าบี หรือทีมสำรอง

อาแจกซ์ อัมสเตอร์ดัม

เดวินสัน ซานเชส ได้ตกลงเซ็นสัญญาเป็นระยะเวลา 5 ปีกับสโมสรอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม

ในเดือนมิถุนายน 2016 เดวินสัน ซานเชส ได้ตกลงเซ็นสัญญาเป็นระยะเวลา 5 ปีกับสโมสรอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม โดยสัญญาสิ้นสุดถึงปี 2021 โดย เดวินสัน ซานเชส ได้ย้ายมาเล่นให้กับอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ด้วยค่าตัว 5 ล้านยูโร และหลังจากนั้นไม่กี่วันอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ก็ได้ตกลงเซ็นสัญญานักเตะอีกคนคือ มัตเตโอ แคสเซียร่า ซึ่งเป็นนักเตะชาวโคลัมเบียคนที่ 2 ที่ได้เข้ามาเล่นร่วมทีมกัน โรบินสัน ซานเชซ ได้รับโอกาสลงเล่นเป็นนัดแรกให้กับอาแจ็กซ์ เมื่อวันที่ 13 สิงหาคมในแมตท์ที่เสมอกับสโมสร โรด้าเจซี เคิคค์เค่น ไป 2-2 โดยเขามีโอกาสได้ลงเล่นตลอด 90 นาที และกว่าเขาจะยิงประตูแรกให้กับต้นสังกัดได้ต้องรอจนถึงวันที่ 24 กันยายนในแมตท์ที่พบกับ PEC Zwolle และด้วยฟอร์มการเล่นอันยอดเยี่ยมของเขาทำให้เขาได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลของสโมสรอาแจ็กซ์อัมสเตอร์ดัมอีกด้วย

ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์

ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ประสบความสำเร็จในการเจรจาซื้อตัว เดวินสัน ซานเชส

ต่อมาเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2017 สโมสรท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ในพรีเมียร์ลีกของอังกฤษได้ประกาศว่าได้ประสบความสำเร็จในการเจรจาซื้อตัว เดวินสัน ซานเชส มาจากอาแจกซ์ อัมสเตอร์ดัม ได้เป็นผลสำเร็จด้วยค่าตัวเป็นสถิติของสโมสร 42 ล้านปอนด์พร้อมสัญญาระยะยาวเป็นเวลา 6 ปี โดย เดวินสัน ซานเชส ได้รับโอกาสลงเล่นเป็นนัดแรกให้กับสเปอร์เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2017 โดยทำหน้าที่เป็นตัวสำรองและได้ถูกเปลี่ยนลงไปในสนามแทนตำแหน่งของ มูซ่า เดมเบเล่ ในนาทีที่ 92 ซึ่งได้แบบนั้นทอตนัมฮอตสเปอร์ เสมอกับสโมสรเบิร์นลี่ย์ไป 1-1

และเมื่อวันที่ 15 เมษายน 2018 ที่ผ่านมา เดวินสัน ซานเชส ได้เซ็นสัญญาฉบับใหม่กับสโมสรท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ทำให้เขาอยู่เล่นกับสโมสรแห่งนี้ไปจนถึงปี 2024 เลยทีเดียว

ต่อมาเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2019 เดวินสัน ซานเชส ได้ยิงประตูแรกภายใต้สีเสื้อของท่านฮ็อทสเปอร์ได้สำเร็จในแมตท์ที่พบกับ เลสเตอร์ ซิตี้

ผลงานในระดับทีมชาติ

ผู้จัดการทีมชาติโคลัมเบีย โฮเซ่เปเกร์มัน ได้เรียกตัว เดวินสัน ซานเชส เข้าร่วมฝึก

ผู้จัดการทีมชาติโคลัมเบีย โฮเซ่เปเกร์มัน ได้เรียกตัว เดวินสัน ซานเชส เข้าร่วมฝึกซ้อมในทีมชาติโคลัมเบียชุดใหญ่เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2016 ที่ผ่านมา จนต่อมาในเดือนพฤษภาคม 2018 เขามีชื่อติดอยู่ใน 35 นักเตะทีมชาติโคลัมเบียที่จะไปลุยศึกฟุตบอลโลกปี 2018 ที่รัสเซียด้วย

ต่อมาในเดือนมิถุนายน 2018 สมาคมฟุตบอลโคลัมเบียก็ได้ตัดตัวนักเตะจาก 35 คนเหลือ 23 ขุนพลที่จะไปเตะฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซียโดยหนึ่งในนั้นก็มีชื่อของ เดวินสัน ซานเชส รวมอยู่ด้วย โรบินสันซานเชซได้รับโอกาสลงเล่นในฐานะนักเตะทีมชาติตลอดทั้ง 3 แมตท์ที่ลงเล่นในฟุตบอลโลก 2018 ด้วย

The post สืบประวัติ เดวินสัน ซานเชส (Davinson Sanchez) first appeared on ผลบอลสด บ้านผลบอล ผลบอลวันนี้ 7m 888 Livescore.]]>
มาร์เซโล่ โบรโซวิช (Marcelo Brozovic) https://www./%e0%b8%a1%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b9%8c%e0%b9%80%e0%b8%8b%e0%b9%82%e0%b8%a5%e0%b9%88-%e0%b9%82%e0%b8%9a%e0%b8%a3%e0%b9%82%e0%b8%8b%e0%b8%a7%e0%b8%b4%e0%b8%8a/ Mon, 18 Mar 2019 08:50:08 +0000 https://www./?p=28803 มาร์เซโล่ โบรโซวิช เกิดวันที่ 16 พฤศจิกายน 1992 นักฟุตบ[...]

The post มาร์เซโล่ โบรโซวิช (Marcelo Brozovic) first appeared on ผลบอลสด บ้านผลบอล ผลบอลวันนี้ 7m 888 Livescore.]]>
เส้นทางอาชีพ มาร์เซโล่ โบรโซวิช

มาร์เซโล่ โบรโซวิช เกิดวันที่ 16 พฤศจิกายน 1992 นักฟุตบอลอาชีพชาวโครเอเชีย ปัจจุบันเล่นให้ อินเตอร์ มิลาน ในระดับทีมชาติ เขาเล่นให้ทีมชาติโครเอเชีย และได้ลงสนามในฟุตบอลโลก 2014 2018 และฟุตบอลยูโร 2016 ด้วย

เส้นทางอาชีพ

ระดับเยาวชน

โบรโซวิช เกิดที่เมือง ซาเกร็บ และจบการศึกษาจากศูนย์ฝึกฟุตบอล ฮาวาร์ตสกี้ ดราโกโวยัช เขาลงสนามเกมระดับอาชีพ วันที่ 24 กรกฎาคม 2010 โดยได้ลงสนามเต็มเกม 90 นาทีเกมที่แพ้ต่อ ดินาโม ซาเกร็บ 1-4 เขายิงประตูแรกวันที่ 18 มีนาคม ในปีถัดมาเป็นเกมที่ชนะ คาร์โลวัช

โลโกโมติว่า

เดือนกรกฎาคม 2011 โบรโซวิช เซ็นสัญญากับ โลโกโมติว่า หลังจากที่ ดราโกโวยัช ตกชั้น เขาได้ลงสนาม 27 แมตช์ในฤดูกาลแรก ยิงได้ 4 ลูก ช่วยทีมจบอันดับกลางตาราง

อยู่สโมสร ดินาโม ซาเกร็บ

ดินาโม ซาเกร็บ

เดือนสิงหาคม 2012 โบรโซวิช เซ็นสัญญา 7 ปีกับ ดินาโม ซาเกร็บ โดยเขาได้ลงสนามแทนว่าที่ดาวเตะ ฮัมบูร์ก มาลาน บาเดลจ์ เขาสวมเสื้อหมายเลข 77 และลงประเดิมสนามวันที่ 14 กันยายน เกมเสมอแบบโนสกอร์กับ เอ็นเค โอซิเย็ค ที่บ้านของตนเอง หลังจากที่ได้ลงสนามมาในครึ่งหลัง อีก 4 วันต่อมาเขาได้ลงสนามกมแชมเปี้ยนส์ลีก เต็ม 90 นาที เกมที่บ้านแพ้ต่อ ปอร์โต้ 0-2 เกมแรกของรอบแบ่งกลุ่ม

เขาต้องรอจนถึงวันที่ 14 เมษายน ในปีต่อมาจึงจะยิงประตูให้ ดินาโม ซาเกร็บ โดยเขายิงประตูให้ทีมชนะ อินเตอร์ ซาเปรซิช 2-0 โบรโซวิช จบฤดูกาลแรกกับทีมด้วยการลงสนาม 30 เกม เป็น 23 เกมในลีก ยิงได้ 2 ประตู พาทีมคว้าแชมป์ลีก และเข้าถึงรอบสองโครเอเชียน คัพ และตกรอบแบ่งกลุ่มแชมเปี้ยนส์ลีก

อินเตอร์ มิลาน

วันที่ 24 มกราคม 2015 โบรโซวิช เซ็นสัญญาย้ายมาร่วมทีม อินเตอร์ มิลาน เป็นเวลาครึ่งปี ด้วยสัญญายืมตัว โดยมีออปชั่นซื้อขาดจากทีม งูใหญ่ และเขาได้สวมเสื้อหมายเลข 77 แทนที่ของ ซัลเลย์ มุนตารี่ เขาได้ลงสนามให้ อินเตอร์ มิลาน เกมแรกวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2015 ได้ลงสนาม 20 นาที สุดท้าย เกมที่เยือนชนะ ซัสซูโอโล่ 3-1 เป็นนักเตะคนที่ 900 ที่ได้สวมเสื้อของ อินเตอร์ มิลาน เขายิงลูกแรกให้ อินเตอร์ มิลาน เกมสุดท้ายของฤดูกาล เกมที่ชนะ เอ็มโปลี และรวมแล้ว โบรโซวิช ลงสนามให้ทีม 15 นัด โดยเป็นตัวจริง 13 นัดยิงได้ 1ลูก

โบรโซวิช เริ่มต้นเล่นฟุตบอลเต็มฤดูกาล โดยการออกสตาร์ทเป็น 11 คนแรกให้ทีม และได้ลงสนามกว่า 85 นาที ในฟุตบอลเซเรีย อา 2015/16 เกมที่พบ อตาลันต้า ที่ซานซิโร่ เขายิงประตูแรกในฤดูกาล วันที่ 23 พฤศจิกายน ระหว่างเกมที่พบ โฟรซิโนเน่ เกมในบ้าน และถูกเปลี่ยนตัวลงสนามนาทีที่ 88 และยิงประตูที่ 4 ของเกมในอีก 4 นาทีต่อมา ช่วยให้ อินเตอร์ มิลาน ชนะด้วยสกอร์ขาดลอยที่สุดในฤดูกาลนั้น วันที่ 12 ธันวาคม เขายิงประตูที่สองในลีก เป็นลูกปิดท้ายที่ชนะ อูดิเนเซ่ ในเกมเยือน และได้รับการเรียกจากเพื่อนร่วมทีมว่าเป็น เอพิคโบรโซ่

อีก 3 วันต่อมา ฤดูกาล 2015/16 เกมโคปป้า อิตาเลีย รอบ 16 ทีมสุดท้ายกับ กายารี่ โบรโซวิช ยิงประตูเดียวเกมที่พบ อูดิเนเซ่ ช่วยให้ทีมชนะด้วยสกอร์ 3-0 ผ่านเข้ารอบควอเตอร์ไฟนอลต่อไป วันที่ 7 กุมภาพันธ์ ปีต่อมา เขาแอสซิสต์ให้ เจสัน มูรีโญ่ ยิงประตูจากการเปิดด้วยลูกเตะมุมในเกมที่พบ เวโรน่า เกมนั้นเสมอกัน 3-3 (เยือน) อีกสองสัปดาห์ต่อมา โบรโซวิช แอสซิสต์ลูกที่สองให้ เมาโร อิคาร์ดี้ ยิงประตูที่ 3 เกมที่ทีมเปิดบ้านชนะ ซามพ์โดเรีย 3-1

วันที่ 2 มีนาคม เกมรอบรองชนะเลิศที่พบ ยูเวนตุส ที่สนามซานซิโร่ โบรโซวิช ยิงประตูได้ด้วยจากลูกโทษ ให้ อินเตอร์ ชนะ ม้าลาย ยูเวนตุส 3-0 สกอร์รวมเป็น 3-3 และต้องมายิงลูกโทษตัดสิน เขายิงลูกโทษตัดสินเข้าไป แต่ว่าสุดท้าย อินเตอร์ มิลาน แพ้ 3-5 ต้องตกรอบไป

มาอยู่ที่ อินเตอร์ มิลาน

โบรโซวิช เปิดฤดูกาลใหม่โดยลงสนาม 20 นาทีสุดท้ายที่ชนะ คิเอโว่ เวโรน่า เขารับใบเหลืองนาที 79 วันที่ 15 กันยายน เป็นเกมแรกในฟุตบอลยูโรป้า ลีกรอบแบ่งกลุ่มที่แข่งกับ อาโปเอล เบียร์เชว่า โบรโซวิช ลงสนามเป็น 11 ตัวจริงและถูกเปลี่ยนออกในพักครึ่ง

เขาปฏิเสธที่จะนั่งม้านั่งข้างสนามโดยกุนซือ แฟร้งค์ เดอ-บัวร์ ชาวเนเธอร์แลนด์ กล่าวว่าเขาทำตัวไม่เหมาะกับมืออาชีพจริงๆ ซึ่งเขาต้องถูกลงโทษ ผมไม่ยอมรับการแสดงพฤติกรรมแบบนี้ของเขา

เขาได้ถูกเรียกตัวเข้าสู่ทีมอีกครั้งวันที่ 20 ตุลาคม เกมลีกที่พบ กายารี่ เกมนั้นทีมแพ้ในบ้าน 1-2 โดยที่ไม่ได้ลงสนามเลย อีก 4 วันต่อมาเขาได้ลงสนามเกมที่สามของฟุตบอลยูโรป้า ลีกเกมที่พบ เซาแธมป์ตัน แต่ว่าถูกสองใบเหลืองไล่ออกจากสนาม นาที 77

โบรโซวิช มีฝีเท้าที่พัฒนาขึ้นภายใต้โค้ชคนใหม่ สเตฟาโน่ ปิโอลี่ เขายิงประตูแรกในฤดูกาล วันที่ 24 พฤศจิกายน เกมที่แพ้ อาโปเอล เบียร์ เชว่า 3-2 ถึงแม้ว่าจะนำไปก่อน 2-0 ในครึ่งแรก ทำให้ทีม งูใหญ่ ตกรอบแรกเป็นที่แน่นอน และเขาได้ยิงประตูในอีก 4 วันต่อมา เป็นการยิงประตูด้วยเท้าขวา จากกรอบเขตโทษ ช่วยให้ อินเตอร์ มิลาน ชนะ ฟิออเรนตินา 4-2 วันที่ 7 ธันวาคม โบรโซวิช ได้ขยายสัญญากับทีมต่อไปจนถึงปี 2021 และได้รับค่าเหนื่อยเพิ่มขึ้นด้วย อีก 4 วันต่อมา เขายิงสองลูกเกมที่ อินเตอร์ ชนะ เจนัว 2-0

เขายิงประตูแรกฤดูกาล 2017/18 วันที่ 2 ตุลาคม เกมที่ชนะ 2-1 เหนือ เบเนเวนโต้ ต่อมาวันที่ 11 กุมภาพันธ์ เกมที่พบ โบโลญญ่า โบรโซวิช ถูกเปลี่ยนตัวออกนาที 58 เนื่องจากเล่นไม่ดี ขณะที่ถูกเปลี่ยนตัวออกจากสนาม เขาได้รับเสียงโห่จากแฟนบอล และเขาก็ปรบมือประชด ทำให้เขาถูกปรับจากสโมสร ต่อมาเขาได้ลุกออกจากที่นั่งสำรองเกมที่พบ เจนัว และเดินเข้าสนามนาทีสุดท้ายเกมที่พบ เจนัว ต่อมาเขาโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม เป็นที่รักใคร่ของแฟนบอลอีกครั้ง เขาได้ลงสนามเกมที่ 100 ในฟุตบอลลีกวันที่ 12 พฤษภาคม เกมที่แพ้ต่อ ซัสซูโอโล่ 1-2 เกมสุดท้ายของฤดูกาล 2017/18 เกมที่แข่งกับ ลาซิโอ้ เขาจ่ายบอลให้ ดานิโล อัมโบรซิโอ ยิงประตู และเปิดลูกเตะมุมครึ่งหลังให้ มาเธียส เวซิโน่ ยิงประตูชัยชนะ 3-2 ให้ทีม งูใหญ่ ได้ไปเล่นแชมเปี้ยนส์ลีกรอบแบ่งกลุ่ม ฤดูกาล 2018/19 โดยเขายิงได้ 4 ประตู 9 แอสซิสต์ และ 8 แอสซิสต์นั้นเกิดในครึ่งฤดูกาลหลัง โดยเขาลงสนามไปกว่า 31 เกม

ฤดูกาล 2018/19 โบรโซวิช ลงสนามให้ อินเตอร์ มิลาน ในแชมเปี้ยนส์ลีก วันที่ 18 กันยายน เกมแรกของกลุ่ม B โดยทีมกลับมาชนะ สเปอร์ส 2-1 เขายิงประตูแรกของฤดูกาลในอีก 4 วันต่อมา นาที 94 เกมชนะเหนือ ซามพ์โดเรีย ในฟุตบอลเซเรีย อา

ระดับทีมชาติของ โบรโซวิช

ระดับทีมชาติ

โบรโซวิช ลงสนามให้โครเอเชีย ยู18, ยู19,ยู20, และยู 21 โดยเขาลงสนาม 8 เกม 7 ยิง 7 ลูก

วันที่ 31 พฤษภาคม โบรโซวิช ถูกเรียกจาก นิโก้ โควัช กุนซือโครเอเชียให้ติดทีมชาติไปเล่นฟุตบอลโลก 2014 เขาได้ลงสนามเกมแรกวันที่ 7 มิถุนายน เกมที่ชนะเหนือออสเตรเลีย 1-0 เกมที่สนาม เอสตาดิโอ ปาติกู เขาได้ลงสนามในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายอีก 5 วันต่อมา โดยลงสนาม 26 นาทีสุดท้ายเกมที่แพ้ต่อเจ้าภาพ บราซิล 1-3

ตั้งแต่ฟุตบอลโลก 2014 โบรโซวิช เขาได้ถูกเรียกเข้าแค้มป์ทีมชาติอยู่สม่ำเสมอ และได้ลงแข่งให้ทีมชาติในฟุตบอลยูโร 2016 รอบคัดเลือก โดยลงสนามเคียงข้าง ลูก้า โมดริช และ อิวาน ราคิติช โดยผลัดกันลงสนามหรือลงเล่นมิดฟิลด์สามคนให้ทีมชาติโครเอเชีย เขายิงประตูแรกเกมที่ชนะเหนือ อาเซอร์ไบจาน 6-0 ที่ โอซิเย็ค เขายิงประตูที่สองเกมรอบคัดเลือกที่พบนอร์เวย์ เมื่อเดือนมีนาคม 2015 เขายิงประตูนำ 1-0 จากการยิงลูกเรียกส่งบอลเข้าไปที่มุมขวาของประตู

เดือนพฤษภาคม 2016 โบรโซวิช ได้เล่นในฟุตบอลยูโร 2016 รอบสุดท้าย เขาลงสนามเกมแรก เกมรอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม D ที่พบตุรกี โดยลงสนาม 90 นาที เกมนั้นทีมชนะ 1-0 ต่อมาเขายิงประตูให้ทีมตราหมากรุก ได้วันที่ 12 พฤศจิกายน 2016 เกมฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกเกมที่แข่งกับไอซ์แลนด์

เดือนพฤษภาคม 2018 เขามีชื่อเป็น 32 คนสุดท้ายเพื่อลงแข่งฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย

สไตล์การเล่น โบรโซวิช

สไตล์การเล่น

สไตล์การเล่นของ โบรโซวิช ถูกนำไปเปรียบกับ แฟร้งค์ แลมพาร์ด เขาจ่ายบอลได้ดี มีความแข็งแกร่ง เขาเป็นมิดฟิลด์กึ่งกลางสนาม และยังเป็นนักเตะที่ขยันเล่นได้ทุกตำแหน่งในแดนกลางสนาม เขาได้รับการจับตามองว่าจะสืบทอดตำแหน่งของ ลูก้า โมดริช ในทีมชาติโครเอเชียต่อไป

ชีวิตส่วนตัว

เขาแต่งงานกับ ซิลวิย่า โบรโซวิช เมื่อปี 2016 มีลูกสาวหนึ่งคน ชื่อออโรร่า เกิดปี 2017

The post มาร์เซโล่ โบรโซวิช (Marcelo Brozovic) first appeared on ผลบอลสด บ้านผลบอล ผลบอลวันนี้ 7m 888 Livescore.]]>
เปิดประวัติ ไค ฮาแวร์ทซ์ (Kai Havertz) https://www./%e0%b9%80%e0%b8%9b%e0%b8%b4%e0%b8%94%e0%b8%9b%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%95%e0%b8%b4-%e0%b9%84%e0%b8%84-%e0%b8%ae%e0%b8%b2%e0%b9%81%e0%b8%a7%e0%b8%a3%e0%b9%8c%e0%b8%97%e0%b8%8b%e0%b9%8c/ Mon, 18 Mar 2019 08:17:23 +0000 https://www./?p=28795 ไค ฮาแวร์ทซ์ เกิดวันที่ 11 มิถุนายน 1999 (อายุ 20 ปี) เ[...]

The post เปิดประวัติ ไค ฮาแวร์ทซ์ (Kai Havertz) first appeared on ผลบอลสด บ้านผลบอล ผลบอลวันนี้ 7m 888 Livescore.]]>
เปิดประวัติ ไค ฮาแวร์ทซ์

ไค ฮาแวร์ทซ์ เกิดวันที่ 11 มิถุนายน 1999 (อายุ 20 ปี) เป็นนักฟุตบอลอาชีพชาวเยอรมัน ที่เล่นตำแหน่งมิดฟิลด์ให้ เลเวอร์คูเซ่น ในบุนเดสลีกา และทีมชาติเยอรมัน

เขาได้ลงสนามให้ เลเวอร์คูเซ่น ปี 2016 ฮาแวร์ทซ์ เป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดที่ได้ลงสนามในบุนเดสลีกาและยิงประตูได้ ในปี 2018 เขาลงสนามในบุนเดสลีกาครบ 50 นัดแล้ว ฮาแวร์ทซ์ เป็นนักเตะดาวรุ่งที่ เลเวอร์คูเซ่น ไม่ขายให้ทีมไหนเป็นเด็ดขาดในช่วงเวลานี้

เส้นทางสายอาชีพ

เกิดที่เมืองอาเค่น เยอรมัน ฮาแวร์ทซ์ เล่นฟุตบอลในระดับสมัครเล่นกับทีม อเลมานเนีย มาเรียดอร์ฟ ปี 2008 เขาเซ็นสํญญากับทีม อเลมานเนีย อาเค่น ในดิวิชั่นสอง ที่เขาอยู่กับทีมเป็นเวลา 2 ปีก่อนที่จะย้ายมา ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น เมื่ออายุ 11 ปี, ปี 2016 เขาได้รับเหรียญรางวัล ฟริตซ์ วอลเตอร์ ยู 17 ก่อนที่จะย้ายมาเล่นให้ เลเวอร์คูเซ่น ในปีนั้น

เส้นทางสายอาชีพของ ไค ฮาแวร์ทซ์

เลเวอร์คูเซ่น

ฮาแวร์ทซ์ ประเดิมสนามให้ เลเวอร์คูเซ่น วันที่ 15 ตุลาคม 2016 เป็นตัวสำรองครึ่งหลังแทน ชาร์ลส์ อารันกีซ เกมบุนเดสลีกาที่แพ้ต่อ แวร์เดอร์ เบรเมน 2-1 ทำให้เขาสร้างสถิติเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดที่ลงสนามในบุนเดสลีกา ด้วยวัย 17 ปี 126 วัน, วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2017 ฮาแวร์ทซ์ แอสซิสต์ให้เพื่อนร่วมทีม คาริม เบลลาราบี้ ยิงประตูที่ 50,000 ในฟุตบอลบุนเดสลีกา อีกสี่วันต่อมา เขาได้ลงสนามเกมแชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย เกมที่ทีมแพ้ต่อทีมตราหมี แอตเลติโก้ มาดริด และ ฮาคาน ชัลฮาโนกลู ถูกแบนไม่ได้ลงสนามเกมที่สองเดือนมีนาคม อย่างไรก็ตามเกมที่สองที่จะแข่งกับ แอตฯมาดริด เขาต้องติดสอบที่โรงเรียนเลยไม่ได้ลงสนาม

วันที่ 2 เมษายน 2017 เขายิงประตูตีเสมอ 3-3 เกมกับ โวล์ฟบวร์ก ต่อมา ฮาแวร์ทซ์ พังสถิติบุนเดสลีกาเมื่อเป็นนักฟุตบอลอายุน้อยที่สุดที่ยิงประตูในลีก ด้วยอายุ 19 ปี เขาลงสนามไป 28 เกมทุกรายการยิงได้ 4 ลูกรวมถึงเกมนัดสุดท้ายของฤดูกาลที่ยิงประตู แฮร์ธ่า เบอร์ลิน ทำให้ทีม นายห้างขายยา จบอันดับที่ 12 ในลีก

วันที่ 14 เมษายน 2018 ฮาแวร์ทซ์ เป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดที่ลงสนามในบุนเดสลีกา ครบ 50 เกม ด้วยอายุ 18 ปี 307 วัน ทำลายสถิติเดิมของ ติโม แวร์เนอร์ เขาจบฤดูกาลที่สองโดยลงสนาม 30 นัดยิงได้ 3 ลูกพาทีมจบอันดับที่ 5 ของลีก และเขายังเล่นได้น่าประทับใจในทุกเกม ถึงแม้ว่าผลงานโดยรวมของ เลเวอร์คูเซ่น จะไม่ค่อยดีก็ตาม

เขาเป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดที่ยิงลูกโทษเกมชนะ โวล์ฟบวร์ก 3-0 ด้วยอายุ 19 ปี 7 เดือน 16 วัน ต่อมาในเดือนเดียวกันเขาก็ลงสนามครบ 75 นัดต่อจาก ยูเลี่ยน ดรักซ์เลอร์ โดยที่เขาลงสนามและยิงประตูได้เกมที่ชนะ ฟอร์ทูน่า ดุสเซลดอร์ฟ 2-0

ระดับทีมชาติ

เยาวชน

ฮาแวร์ทซ์ ลงสนามให้เยอรมัน ยู 16 เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2014 โดยลงสนามเกมอุ่นเครื่องที่พบ สาธารณรัฐเช็ก ถูกเปลี่ยนตัวออกนาที 57 โดย ทอม บัค เข้ามาแทนที่ เกมนั้นเยอรมันชนะ 3-1

ฮาแวร์ทซ์ ลงสนามให้เยอรมันในฟุตบอล ยูโร ยู 17 ปี 2016 ที่ อาเซอร์ไบจาน ลงสนามให้ อินทรีเหล็ก 5 เกมยิงได้ 1 ประตูก่อนที่เยอรมัน จะตกรอบรองชนะเลิศเพราะแพ้สเปน

จากนั้นเขาหายจากเกมทีมชาติระดับเยาวชนไป 15 เดือน เขาได้ลงสนามให้เยอรมัน ยู 19 ลงสนามเกมแรกวันที่ 31 สิงหาคม 2017 อุ่นเครื่องเสมอสวิตเซอร์แลนด์ 0-0 ลงสนามนาที 72 แทนที่ปาโก้ ดาร์ได วันที่ 4 ตุลาคม 2017 เกมที่สามในระดับยู 19 เขายิงได้ 4 ลูกเกมชนะ เบลารุส 5-1 ในรอบแรกของฟุตบอล ยูโร-ยู19 รอบคัดเลือก ทัวร์นาเม้นต์นี้เขาได้รับมอบหมายเป็นกัปตันทีม

ระดับชุดใหญ่ ฮาแวร์ทซ์

ระดับชุดใหญ่

วันที่ 29 สิงหาคม 2018 ฮาแวร์ทซ์ มีชื่อเล่นทีมชาติเยอรมันชุดใหญ่ครั้งแรกจากการประกาศของ โยอัคคิม เลิฟ ลงแข่งขันรายการยูโร เนชั่นส์ลีก ที่แข่งกับฝรั่งเศส และเกมอุ่นเครื่องกับเปรู เขาลงสนามเกมแรก วันที่ 9 กันยายน 2018 ได้ลงสนามมาเป็นตัวสำรองนาทีที่ 88 แทนที่ ติโม แวร์เนอร์ นัดที่พบ เปรู เกมจบลงด้วยชัยชนะในบ้านของเยอรมัน 2-1 เขาเป็นนักฟุตบอลคนแรกที่เกิดในปี 1999 ที่ได้ลงสนามให้ทีมชาติเยอรมันชุดใหญ่

สไตล์การเล่น

ฮาแวร์ทซ์ เป็นนักฟุตบอลที่มีเทคนิคดี เป็นมิดฟิลด์ที่เล่นบอลได้ทั้งสองเท้า และโหม่งบอลได้ดี เขาเล่นบอลอย่างมีระบบ หลายคนนำเขาไปเทียบกับ เมซุต โอซิล ขณะที่ตัวเขาเองยอมรับว่าอยากย้ายไป อาร์เซน่อล ด้วยเหมือนกัน ด้วยวัย 19 ปี และเล่นที่ เลเวอร์คูเซ่น สื่อมวลชนยกย่องว่าเขามีสไตล์การเล่นรวมกันระหว่าง มิชาเอล บัลลัค โทนี่ โครส และ อาร์ตูโร่ วิดัล รวมกัน

สไตล์การเล่น ฮาแวร์ทซ์

The post เปิดประวัติ ไค ฮาแวร์ทซ์ (Kai Havertz) first appeared on ผลบอลสด บ้านผลบอล ผลบอลวันนี้ 7m 888 Livescore.]]>
ยูเลี่ยน บรันด์ท (Julian Brandt) https://www./%e0%b8%a2%e0%b8%b9%e0%b9%80%e0%b8%a5%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b8%a2%e0%b8%99-%e0%b8%9a%e0%b8%a3%e0%b8%b1%e0%b8%99%e0%b8%94%e0%b9%8c%e0%b8%97-julian-brandt/ Mon, 18 Mar 2019 07:58:34 +0000 https://www./?p=28790 ยูเลี่ยน บรันด์ท เกิด วันที่ 2 พฤษภาคม 1996 เป็นนักฟุตบ[...]

The post ยูเลี่ยน บรันด์ท (Julian Brandt) first appeared on ผลบอลสด บ้านผลบอล ผลบอลวันนี้ 7m 888 Livescore.]]>
ยูเลี่ยน บรันด์ท Julian Brandt

ยูเลี่ยน บรันด์ท เกิด วันที่ 2 พฤษภาคม 1996 เป็นนักฟุตบอลชาวเยอรมัน ที่เล่นตำแหน่งปีกให้ เลเวอร์คูเซ่น และทีมชาติเยอรมัน ปัจจุบันเขาเป็นนักเตะดาวรุ่งที่มีอายุเพียง 23 ปีเท่านั้น

บรันด์ท มีประสบการณ์มากกว่า 55 นัดในทีมชุดเยาวชน และเล่นตั้งแต่ระดับ ยู15 – ยู21 เขาเป็นส่วนหนึ่งของทีมที่ได้แชมป์ ยูโร ยู19 เมื่อปี 2014

เส้นทางสายอาชีพ

ในระดับเยาวชน บรันด์ท เล่นกับทีมบ้านเกิดบอร์กเฟลด์ และย้ายไปเล่นที่ โอเบอร์นอยลันด์ ก่อนที่จะย้ายไปเล่นกับทีมอคาเดมี่ของ โวล์ฟบวร์ก ปี 2014 บรันด์ท ย้ายไปเล่นให้ เลเวอร์คูเซ่น ช่วงที่ตลาดนักเตะเปิดเมื่อเดือน มกราคม ด้วยค่าตัว 350000 ยูโร ก่อนที่จะเซ็นสัญญาเป็นนักเตะอาชีพและสัญญาของเขามีถึง 2019

บรันด์ท ลงสนามในเกมระดับอาชีพเป็นนัดแรกเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2014 ในบุนเดสลีกาที่แข่งกับ ชาลเก้ 04 เขาลงสนามแทนที่ ซน เฮือง-มิน นาทีที่ 82 เป็นเกมที่ทีมเจ้าบ้านแพ้ 1-2 สามวันต่อมาเขาได้ลงสนามในฟุตบอลสโมสรยุโรปที่เป็นรอบน็อคเอาต์รอบแรกพบ เปแอสเช ในฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก วันที่ 4 เมษายน 2014 บรันด์ท ยิงประตูแรกให้ เลเวอร์คูเซ่น ให้ทีมตีเสมอ 1-1 เกมที่แพ้ ฮัมบูร์ก 1-2

เส้นทางสายอาชีพของ ยูเลี่ยน

วันที่ 15 สิงหาคม 2015 บรันด์ท ยิงประตูชัยหลังจากลงสนามมาเป็นตัวสำรอง เกมชนะ 2-1 เหนือ ฮอฟเฟ่นไฮม์ ในเกมเปิดฤดูกาล 2015/16 ของบุนเดสลีกา

ระหว่างวันที่ 20 มีนาคม-30 เมษายน 2016 เขาลงสนามต่อเนื่องในบุนเดสลีกาอย่างต่อเนื่อง 6 นัด และเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดต่อจาก แกร์ด มุลเลอร์ ที่ยิงประตูได้ใน 72 วินาทีเกมที่เปิดบ้านมีชัยเหนือ แฮร์ธ่า เบอร์ลิน

เกมระดับชาติ

วันที่ 17 พฤษภาคม 2016 บรันด์ท เขามีชื่อ 27 คนสุดท้ายสำหรับไปเล่นฟุตบอลยูโร 2016 เขาเป็นส่วนหนึ่งของทีม โอลิมปิก ฤดูร้อน ที่เยอรมันได้เหรียญเงิน

วันที่ 4 มิถุนายน 2018 เขามีชื่อติดทีม 23 คนที่ไปเล่นฟุตบอลโลก 2018 วันที่ 17 มิถุนายน บรันด์ท ได้ลงสนามในฟุตบอลโลกเป็นครั้งแรกเมื่อลงมาแทนที่ ติโม แวร์เนอร์ ในนาที 86 เกมที่พบ เม็กซิโก เกมนั้นทีมแพ้ 1-0

เกมระดับชาติของยูเลี่ยน

The post ยูเลี่ยน บรันด์ท (Julian Brandt) first appeared on ผลบอลสด บ้านผลบอล ผลบอลวันนี้ 7m 888 Livescore.]]>
เซ็นเตอร์แบ็กงูใหญ่ สเตฟาน เดอ ฟราย (Stefan de Vrij) https://www./%e0%b8%aa%e0%b9%80%e0%b8%95%e0%b8%9f%e0%b8%b2%e0%b8%99-%e0%b9%80%e0%b8%94%e0%b8%ad-%e0%b8%9f%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%a2/ Mon, 18 Mar 2019 07:46:37 +0000 https://www./?p=28784 สเตฟาน เดอ ฟรายเกิดวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 1992 เป็นนักฟุตบ[...]

The post เซ็นเตอร์แบ็กงูใหญ่ สเตฟาน เดอ ฟราย (Stefan de Vrij) first appeared on ผลบอลสด บ้านผลบอล ผลบอลวันนี้ 7m 888 Livescore.]]>
เซ็นเตอร์แบ็กงูใหญ่ สเตฟาน เดอ ฟราย

สเตฟาน เดอ ฟรายเกิดวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 1992 เป็นนักฟุตบอลชาวดัตช์ ที่เล่นตำแหน่งเซนเตอร์แบ็กให้ อินเตอร์ มิลาน และทีมชาติเนเธอร์แลนด์

เขาลงเล่นฟุตบอลกับทีมท้องถิ่น วีวี สปิริต และได้ลงสนามเกมฟุตบอลอาชีพเมื่ออายุ 17 ปีเขาลงสนามเล่น 5 ฤดูกาลในฟุตบอลเอเรดิวิซี่ลีก ต่อมาเขาได้รับมอบหมายให้เป็นกัปตันทีม ก่อนที่จะย้ายมาเล่นให้ ลาซิโอ้ เมื่อเดือนกรกฎาคม 2014

เขาติดทีมชาติอย่างเต็มตัวตั้งแต่ ปี 2012 เดอ ฟราย ลงสนามให้เนเธอร์แลนด์ มากกว่า 30 เกม และพาทีมจบอันดับ 3 ในฟุตบอลโลก 2014 และมีชื่อในทีมยอดเยี่ยมของคาสตรอลด้วย

ชีวิตในวัยรุ่น

เดอ ฟราย เติบโตที่โอเดอร์เคิร์ก อาน เดน ยิสเซล ทางตอนใต้ของฮอลแลนด์ เขาเป็นลูกคนสุดท้องของ ยาน เดอ ฟราย ที่ซึ่งเคยลงเล่นกับทีมท้องถิ่น วีวี สปิริต มาก่อน ส่วนพี่ชายของเขา นีล และ อีริค เตะฟุตบอลด้วยกันทั้งคู่แต่ว่าลงเล่นคนละช่วงอายุกัน

เส้นทางสายอาชีพ

เฟเยนูร์ด

เดอ ฟราย ลงเล่นกับ โอเดอร์เคิร์ก อาน เดน ยิสเซล วีวี สปิริตเป็นเวลา 5 ฤดูกาล และเมื่ออายุ 10 ปี ฟอร์มของเขาก็ไปเตะตาแมวมองของ เฟเยนูร์ด ต่อมาในการลงสนามซ้อมทีมที่แข่งกับ ARC ก่อนหน้านี้ เดอ ฟราย ได้ลงสนามในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวกลาง แต่ที่ เฟเยนูร์ด เขาได้ลงสนามตำแหน่งเซ็นเตอร์ ฮาล์ฟ ฟอร์มการเล่นของเขาพัฒนาอย่างรวดเร็ว และได้ลงเล่นให้ เฟเยนูร์ด ยู 15 เดอ ฟราย เป็นนักเตะเพียงคนเดียวที่ข้ามชั้นรุ่น ยู16 ไปเล่นฟุตบอลยู 17 ในทันที

วันที่ 17 กรกฎาคม 2009 เดอ ฟราย เซ็นสัญญาเพื่อเล่นฟุตบอลอาชีพกับ เฟเยนูร์ด จนกระทั่งเมื่อช่วงซัมเมอร์ปี 2012 เดอ ฟราย ได้ลงสนามเกมแรกเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2009 เมื่อลงมาแทน เคลวิน เลอดาม นาที 58 ในฟุตบอลดัตช์คัพ (KNVB) คัพ โดยเป็นเกมที่พบ ฮาร์เคเมส บอย ชนะ 5-0 วันที่ 6 ธันวาคม 2009 เดอ ฟราย ได้ลงสนามในฟุตบอลเอเรดิวิซี่ ที่สนามของตนเองเกมนั้นทีมชนะ โกรนิงเก้น ได้ 3-1 โดยเขาลงสนามแทนที่ แดนนี่ แลนซาร์ต นาทีที่ 89 ด้วยวัยเพียงแค่ 18 ปีแต่เขาได้ลงสนามให้ทีมชุดใหญ่ 21 นัด โดยเป็น 17 เกมในฟุตบอลลีก

ช่วงฤดูกาล 2012/13 เดอ ฟราย ได้ลงสนามแทนที่ รอน ฟลาร์ (กัปตันทีม) อย่างไรก็ตามเขาเล่นแย่เกินไป เขายังเคยเล่นร่วมกับ กราเซียโน่ เปลเล่ มาแล้ว และ ยอร์ดี้ คลาซี่ ที่เป็นรองกัปตันทีมด้วย

เดอ ฟราย ย้ายมาลาซิโอ้

ลาซิโอ้

วันที่ 30 กรกฎาคม 2014 เดอ ฟราย ได้ย้ายมาเล่นในเซเรีย อา กับทีม ลาซิโอ้ ด้วยค่าตัวที่ไม่เปิดเผย เขากล่าวว่า ลาซิโอ้ ได้พิสูจน์แล้วว่าสนใจในตัวผม ดังนั้นผมจึงมีความมสุขมากและย้ายมาเล่นที่อิตาลีโดยไม่ต้องคิดมาเลย ผมหวังว่าที่อิตาลีจะช่วยให้ผมเป็นกองหลังที่เก่งขึ้นมาได้

เขาได้ลงสนามเกมแรกวันที่ 24 สิงหาคมเป็นฟุตบอลโคป้า อิตาเลียรอบสาม และยิงประตูที่สามให้ทีมในเกมชนะ 7-0 เหนือทีมระดับดิวิชั่นสาม บาสซาโน่ วีร์ตุส อีกหนึ่งสัปดาห์ต่อมาเขาได้ลงสนามในฟุตบอลเซเรียอา เกมที่เล่นให้ ลาซิโอh เกมที่แพ้ เอซี มิลาน 3-1 วันที่ 21 กันยายน เขาถูกใบแดงไล่ออกนาที 85 เกมที่เยือน เจนัว โดยอีกสองนาทีต่อมาหลังจากที่เขาถูกไล่ออก เมาริซิโอ ปินิญ่า ยิงประตูโทนให้ เจนัว ชนะ ลาซิโอh เลย เดอ ฟราย ได้ลงสนามในฟุตบอลโคปป้า อิตาเลีย นัดชิงชนะเลิศปี 2015 เกมที่แข่งกับ ยูเวนตุส โดยเขาลงสนามมาเป็นตัวสำรองแทนที่ของ เกอิต้า ในช่วงพักครึ่งของการต่อเวลา เกมนั้นทีมแพ้ 1-2

ฤดูกาลที่สองเปิดด้วยซูเปอร์โคปป้า อิตาเลียน่า เขาได้ลงสนามเต็มเกม 90 นาทีเกมที่แพ้ ยูเวนตุส 2-0 ที่สนามชางไห่ สเตเดี้ยม เดือนกันยายนเขาเจ็บเข่าจากการที่เล่นฟุตบอลทีมชาติ และเขาต้องกลับมารักษากับทีม ลาซิโอh จากการบาดเจ็บของเขาทำให้พลาดลงสนามเล่นให้อินทรีฟ้าขาว ไปกว่า 6 เดือน

เดอ ฟราย ยิงประตูแรกในฟุตบอลเซเรีย อา เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2016 เกมที่เสมอ คิเอโว่ 1-1 เดือนมีนาคม 2018 ผู้อำนวยการ ลาซิโอ้ อิ๊กลี่ ตาเร่ ประกาศว่า เดอ ฟราย จะย้ายทีมแบบไม่มีค่าตัวในช่วงซัมเมอร์

เดอ ฟราย ย้านมาอินเตอร์ มิลาน

อินเตอร์ มิลาน

วันที่ 28 พฤษภาคม 2018 เดอ ฟราย ได้ย้ายมาเล่นให้ทีม งูใหญ่ อินเตอร์ มิลาน ด้วยสัญญา 5 ปี โดยจะเป็นนักเตะของ อินเตอร์ อย่างเป็นทางการวันที่ 1 กรกฎาคม

ระดับทีมชาติ

ระดับเยาวชน

เดอ ฟราย ติดทีมชาติเนเธอร์แลนด์ชุดเล็กตั้งแต่อยู่ เฟเยนูร์ด วันที่ 21 พฤศจิกายน เขาเล่นให้เนเธอร์แลนด์ ยู16 เกมกระชับมิตรกับยูเครน ยู16 เกมนั้นทีม อัศวินสีส้ม ชนะ 1-0 โดยที่เขาได้ลงสนามเป็นผู้เล่นตัวจริง

เดอ ฟราย ได้ลงเล่นฟุตบอลยูโร ยู17 ที่เยอรมัน ทีมเล่นได้ดีมากแต่สุดท้ายแพ้ต่อเยอรมัน ยู17 ในนัดชิงชนะเลิศ ช่วงต่อเวลาพิเศษ 2-1 เขาจับคู่กับ ดิโก้ คอปเปอร์ส ในตำแหน่งเซ็นเตอร์ ฮาล์ฟ ในทุกเกม โดยที่ไม่ถูกเปลี่ยนตัวออกจากสนามเลย และจากการที่ทีมได้รองแชมป์ยูโร ยู17 ทำให้พวกเขาได้ไปแข่งขันฟุตบอลโลก ยู17 ที่ ไนจีเรีย

เดอ ฟราย ทีมชาติชุดใหญ่

ทีมชาติชุดใหญ่

วันที่ 7 พฤษภาคม 2012 เขามีชื่อ 36 คนสุดท้ายเพื่อไปเล่นฟุตบอลยูโร 2012 สุดท้ายเขาถูกหั่นชื่อออกไปโดยผู้จัดการทีม เบิร์ต ฟาน มาร์ไวค์ วันที่ 15 สิงหาคม เนเธอร์แลนด์แต่งตั้งโค้ชคนใหม่ หลุยส์ ฟาน กัล ลงสนามอุ่นเครื่องแพ้เบลเยียม 4-2 ในเกมกระชับมิตร

ต่อมายูโร 2016 รอบคัดเลือกที่เยือน สาธารณรัฐเช็ก วันที่ 9 กันยายน 2014 เดอ ฟราย โหม่งลูกตีเสมอก่อนที่สุดท้ายทีมแพ้ 2-1 เขายังโหม่งประตูเกมที่ชนะสเปน 2-0 เกมกระชับมิตรในเกมเหย้า

The post เซ็นเตอร์แบ็กงูใหญ่ สเตฟาน เดอ ฟราย (Stefan de Vrij) first appeared on ผลบอลสด บ้านผลบอล ผลบอลวันนี้ 7m 888 Livescore.]]>
มนุษย์น้ำแข็ง กิลฟี่ ซิกูร์ดส์สัน (Gylfi Sigurdsson) https://www./%e0%b8%81%e0%b8%b4%e0%b8%a5%e0%b8%9f%e0%b8%b5%e0%b9%88-%e0%b8%8b%e0%b8%b4%e0%b8%81%e0%b8%b9%e0%b8%a3%e0%b9%8c%e0%b8%94%e0%b8%aa%e0%b9%8c%e0%b8%aa%e0%b8%b1%e0%b8%99/ Mon, 18 Mar 2019 07:14:24 +0000 https://www./?p=28776 กิลฟี่ ธอร์ ซิกูร์ดส์สัน เกิดวันที่ 8 กันยายน 1989 เป็น[...]

The post มนุษย์น้ำแข็ง กิลฟี่ ซิกูร์ดส์สัน (Gylfi Sigurdsson) first appeared on ผลบอลสด บ้านผลบอล ผลบอลวันนี้ 7m 888 Livescore.]]>
มนุษย์น้ำแข็ง กิลฟี่ ซิกูร์ดส์สัน

กิลฟี่ ธอร์ ซิกูร์ดส์สัน เกิดวันที่ 8 กันยายน 1989 เป็นนักฟุตบอลอาชีพชาวไอซ์แลนด์ โดยลงสนามเล่นตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรุก ให้ เอฟเวอร์ตัน และทีมชาติไอซ์แลนด์

กิลฟี่ ได้ลงสนามในฟุตบอลอาชีพพับ เร้ดดิ้ง ในฟุตบอลแชมเปี้ยนชิพ เมื่อปี 2010 โดยถูกขายไปให้กับ ฮอฟเฟ่นไฮม์ ที่ทำให้ เร้ดดิ้ง ขายนักเตะด้วยค่าตัวแพงที่สุด เขาได้รับการโหวตว่าเป็นนักเตะยอดเยี่ยมของฤดูกาลสองปีติดต่อกัน เมื่อเล่นให้ เร้ดดิ้ง เมื่อปี 2009/10 และ ฮอฟเฟ่นไฮม์ เมื่อฤดูกาล 2010/11 หลังจากนั้นเขาย้ายมาเล่นให้ สวอนซี ซิตี้ และย้ายมาเล่นให้ สเปอร์ส ด้วยค่าตัวย้ายทีม 8 ล้านปอนด์ เมื่อปี 2014 เขาย้ายกลับ สวอนซี โดยเป็นส่วนหนึ่งการแลกเปลี่ยนตัวกับ เบน เดวีส์

กิลฟี่ ได้ลงสนามให้ทีมชาติชุดใหญ่ของไอซ์แลนด์ เมื่อปี 2010 โดยถึงเวลานี้เขาลงสนามกว่า 60 เกม เขาเล่นให้ไอซ์แลนด์ในฟุตบอลทัวร์นาเม้นต์ใหญ่เป็นครั้งแรก คือฟุตบอลยูโร 2016 พาทีมเข้าไปถึงรอบควอเตอร์ไฟนอล และยังได้ลงเล่นในรายการฟุตบอลโลก 2018 ด้วย

ระดับสโมสรตั้งแต่เริ่มต้น

เร้ดดิ้ง

เกิดที่เมืองเรกยะวิก กิลฟี่ ลงสนามให้ทีมบ้านเกิดเอฟเอช ก่อนที่จะย้ายมาร่วมทีม ไบรดาบิก และติดทีมชาติไอซ์แลนด์ ยู17 เขาได้ลงสนามแบบทดสอบนักเตะกับ เปรสตัน นอร์ทเอนด์ ก่อนที่จะเซ็นสัญญาย้ายทีมมาที่ เร้ดดิ้ง อคาเดมี่ เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2005 เขาเล่นให้ทีมเยาวชนของ เร้ดดิ้ง กว่า 3 ปีและทีมสำรองของ เร้ดดิ้ง ก่อนที่ฤดูกาล 2007/08 เขาและเพื่อนร่วมทีมคนอื่นก็ได้เซ็นสัญญาขึ้นมาเป็นนักเตะอาชีพกับทีม

ฤดูกาล 2008/09

เริ่มต้นที่ฤดูกาล 2008/09 กิลฟี่ สวมเสื้อหมายเลข 34 ให้ เร้ดดิ้ง โดยที่เขาไม่ได้เป็นตัวสำรองที่ลงสนามเกมที่ชนะ ดาเก้นแน่ม แอนด์ เร้ดบริดจ์ โดยในรอบแรกที่ฟุตบอลลีกคัพ เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม และสองสัปดาห์ต่อมาเขาได้ลงสนามเมกที่แข่งกับ ลูตัน ทาวน์ โดลงสนามมาเป็นตัวสำรองแทนที่ของ เจมส์ ฮาร์เปอร์ นาที 59 เกมนั้น เร้ดดิ้ง ชนะ 5-1 ที่มาเด็จสกี้ สเตเดี้ยม เขายิงประตูให้ทีม เร้ดดิ้ง จากลูกโทษได้ด้วย เกมนั้นทีมไปเยือนและแพ้ต่อ สโต๊ค ซิตี้ ในลีกคัพรอบที่สามโดยถูกส่งลงไปเป็นตัวสำรอง

จากนั้นเขามีประสบการณ์ในทีมชุดใหญ่ เมื่อ กิลฟี่ ได้เซ็นสัญญากับ ชรูวส์บิวรี่ โดยเซ็นสัญญายืมตัวหนึ่งเดือน เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม อีกสองวันต่อมาเขายิงประตูเกมลีกที่พบ บอร์นมัธ และชนะได้ 4-1 ที่สนามมิโดว์ เลน ที่ทำให้เขาได้ลงสนามกว่า 6 นัดในเกมกับ ชรูวส์บิวรี่ ซึ่งเขายิงประตูได้หนึ่งลูกด้วย ต่อมาเขากลับสู่ เร้ดดิ้ง และเกมแรกที่ลงสนามเขาแพ้ต่อ คาร์ดิฟฟ์ ในฟุตบอลเอฟเอคัพรอบที่ 3 ในวันที่ 3 มกราคม 2009 วันที่ 27 กุมภาพันธ์ เขาร่วมทีม ครูว์ อเล็กซานดร้า ด้วยสัญญายืมตัวอย่างเร่งด่วน อีกสองวันต่อมาเขาได้ลงสนามไปเยือน ไบรท์ตัน และยิงประตูได้นาที 89 เกมนั้นทีมชนะได้ 4-1 วันที่ 24 มีนาคม เขาได้ขยายสัญญายืมตัวไปจนจบฤดูกาล เขายิงได้เพิ่มอีกสองประตูให้ ครูว์ เกมที่แข่งกับ เอ็มเค ดอนส์ และ เชลท์แน่ม ตามลำดับ แต่ก็ไม่อาจช่วยทีมรอดพ้นการตกชั้นได้

ระดับสโมสรตั้งแต่เริ่มต้น กิลฟี่

ฤดูกาล 2009/10

กิลฟี่ ได้ยิงประตูแรกให้ เร้ดดิ้ง ในเกมที่พบกับ เบอร์ตัน อัลเบี้ยน จากระยะ 35 หลา ในเกมฟุตบอลลีก คัพรอบแรกในเกมที่เสมอในบ้าน เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2009 เขายิงประตูแรกในฟุตบอลลีกเกมที่ เร้ดดิ้ง ชนะ ต่อ ปีเตอร์โบโร่ ได้ 3-2 เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2009 กิลฟี่ เป็นนักเตะคนสำคัญของทีม เร้ดดิ้ง ในเกมเอฟเอคัพ โดยเฉพาะเกมที่แข่ง ลิเวอร์พูล เบิร์นลี่ย์ และ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน วันที่ 13 มกราคม 2010 ในฟุตบอลเอฟเอคัพ รอบสาม ที่แข่งกับ ลิเวอร์พูล เขายิงประตูจากลูกโทษในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ช่วยให้สกอร์กลับมาเสมอกันที่ 1-1 และต้องต่อเวลาพิเศษออกไป ต่อมา เร้ดดิ้ง เอาชนะในเกมนั้น 2-1

เขายิงประตูชัยนาทีที่ 87 เกมที่พบ เบิร์นลี่ย์ ในรอบที่ 4 ส่วนในรอบที่ 5 เขายิงประตูชัยเกมที่พบ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน 3-2 ในช่วงต่อเวลา 120 นาที ในเดือนเมษายน 2010 เขาได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของลีกแชมเปี้ยนชิพเมื่อเดือนมีนาคม โดยที่นักเตะที่เป็นอันดับรองลงมาคือ ปีเตอร์ โลเวนครานด์ ของ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด แกรม ดอร์แรน กับ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน และ อเดล ทารับต์ กับ ควีนสปาร์ค เรนเจอร์ส โดยเขายิงได้ 5 ลูกใน 6 เกมในเดือนนั้น วันที่ 2 พฤษภาคม เขายิงประตูได้อีกครั้งเกมที่พบ เปรสตัน นอร์ทเอนด์ ซึ่งเป็นเกมสุดท้ายของฤดูกาล ก่อนที่ต่อมาเขาจะได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของสโมสร ประจำฤดูกาล 2009/10 เอาชนะการโหวตเหนือ จิมมี่ เคมเบ้ และ ไรอัน เบอร์ทรานด์ ที่จบอันดับสองและสามตามลำดับ

กิลฟี่ จบฤดูกาลด้วยการยิง 20 ประตูใน 44 นัด ในทุกรายการ โดยที่เขาเล่นได้อย่างสุดยอด ตั้งแต่เมื่อครั้งยังเป็นเด็ก และได้ลงสนามในพรีเมียร์ลีกหลายทีมด้วยความสามารถที่ยอดเยี่ยมของเขา แต่เขายอมรับว่าอนาคตเขาฝากอยู่กับ เร้ดดิ้ง โดยเขาเซ็นสัญญากับทีมออกไปอีก 3 ปี ในเดือนพฤษภาคม 2010

ฤดูกาล 2010/11

กิลฟี่ ยิงประตูแรกได้ในฤดูกาล 2010/11 เป็นนัดแรกของฤดูกาล เมื่อเลี้ยงบอลผ่านนักเตะคู่แข่งสองคน ยิงประตูระยะ 25 หลา เป็นประตูที่ตีเสมอก่อนแพ้ต่อ สคันธอร์ป คาบ้าน 2-1 วันที่ 25 สิงหาคม เขาชิพบอลระยะจ่อๆ นาที 22 เกมเยือน เลสเตอร์ หลังจบเกม เขาก็ได้เดินทางไปตรวจร่างกายกับ ฮอฟเฟ่นไฮม์ วันที่ 31 สิงหาคม เขาไปร่วมทีมลีกเยอรมัน และมีรายงานว่าทีมได้รับเงินค่าตัวเป็นสถิติ (มากกว่า 6.5 ล้านปอนด์) ที่เคยขายเควิน ดอยล์ออกไป

กิลฟี่ ย้ายไป ฮอฟเฟ่นไฮม์

ฮอฟเฟ่นไฮม์

เขาได้ลงสนามกับ ฮอฟเฟ่นไฮม์ เกมแรกวันที่ 10 กันยายน 2010 โดยลงสนามมาเป็นตัวสำรองเมื่อเหลืออีก 13 นาที เกมนั้นทีมชนะ ชาลเก้ 2-0 หนึ่งสัปดาห์ต่อมา เขายิงประตูแรกให้กับทีมเป็นเกมที่เสมอ 2-2 ต่อ ไกเซอร์สเลาเทิร์น โดยเขาลงสนามนาที 77 โดยการสัมผัสบอลเพียงครั้งแรกเท่านั้น เมื่อทีมได้ฟรีคิกระยะ 20 หลา ช่วยให้ทีมตีเสมอได้ ประตูที่สองของเขาเกิดจากลูกฟรีคิก จากระยะ 25 หลา เป็นเกมเยือนแพ้ ไมนซ์ 4-2 เขายิงเพิ่มได้อีก 2 ลูกเกมที่ ฮอฟเฟ่นไฮม์ เปิดบ้านชนะ ฮันโนเวอร์ อีกหนึ่งลูกเป็นการยิงลูกโทษ ต่อมาวันที่ 25 พฤษภาคม 2011 เขาได้รับการโหวตจากแฟนบอล ฮอฟเฟ่นไฮม์ ให้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมของฤดูกาล ทั้งที่ลงสนามให้ทีมเพียงแค่ 13 เกม และฤดูกาลนั้นเขายิงได้ 10 ลูก และ 2 แอสซิสต์

ระหว่างครึ่งฤดูกาลแรกของฤดูกาล 2011/12 กิลฟี่ ไม่เป็นที่โปรดปรานของผู้จัดการทีมคนใหม่ โดยที่ได้ลงสนามเพียงแค่ 7 เกม และมีข่าวลือว่าต้องการจะย้ายทีม

ย้ายแบบยืมตัวไปที่ สวอนซี

วันที่ 1 มกราคม 2012 มีการประกาศว่า กิลฟี่ ซิกูร์ดสส์สัน ย้ายไปร่วมทีม สวอนซี ในช่วงที่เหลือของฤดูกาล เขาได้ประเดิมสนามในพรีเมียร์ลีกให้ สวอนซี เมื่อวันที่ 15 มกราคม โดยเขาได้ลงสนามมาในครึ่งหลัง และช่วยทีมชนะ 3-2 เกมที่มีชัยเหนือ อาร์เซน่อล 3-2 วันที่ 4 กุมภาพันธ์ เขายิงประตูแรกให้ทีมเกมที่ชนะเหนือ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน 2-1 ต่อมาเขายังจ่ายบอลให้ แดนนี่ เกรแฮม โดยเป็นการจ่ายแอสซิสต์ครั้งที่ 3 ในรอบ 4 วัน วันที่ 3 มีนาคม เขายิงได้สองประตูเกมที่มีชัยเกมเยือนเหนือ วีแกน แอธเลติก โดยยิงประตูจากฟรีคิก อีกสองสัปดาห์ต่อมาเขายิงประตูได้ เกมที่ไปเยือนชนะ ฟูแล่ม 3-0 กิลฟี่ ยิงประตูได้อีกในเกมที่ ไวท์ ฮาร์ท เลนเกมนั้นทีมแพ้ต่อ สเปอร์ส 3-1 เมื่อวันที่ 1เมษายน

ด้วยฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมของเขา กิลฟี่ ได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของเดือนมีนาคม และเขาเป็นนักเตะชาวไอซ์แลนด์คนแรกที่ได้รับรางวัลนี้ ต่อมาเขายิงประตูเกมที่ชนะเหนือ แบ็คเบิร์น โรเวอร์ส ให้ทีมเก็บได้ถึง 42 แต้ม

เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม สวอนซี ซื้อตัว กิลฟี่ จาก ฮอฟเฟ่นไฮม์ ด้วยค่าตัว 6.8 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นสัญญาถาวร ต่อมาเขาผ่านการตรวจร่างกายอย่างไรก็ตามผู้จัดการทีม แบรนดอน ร็อดเจอร์ส ย้ายไปอยู่ ลิเวอร์พูล ทำให้อนาคตของเขาที่ สวอนซี ดูจะไม่แน่นอนเท่าไหร่ โดยเขาลงสนามช่วงที่ยืมตัวที่ สวอนซี โดยลงสนาม 18 นัดในพรีเมียร์ลีกยิงได้ 7 ลูกและทำได้กว่า 4 แอสซิสต์

สเปอร์ส

วันที่ 4 กรกฎาคม 2012 กิลฟี่ ย้ายจาก ฮอฟเฟ่นไฮม์ เข้าร่วมทีม สเปอร์ส ด้วยค่าตัว 8 ล้านปอนด์ เขาเซ็นสัญญาเข้าสู่ทีมของ อังเดร วิลลาส โบอาช เป็นคนแรก วันที่ 18 กรกฎาคม เขายิงลูกแรกให้สโมสร เกมที่พบ สตีฟเนจ หลังถูกเปลี่ยนตัวลงมาในครึ่งหลัง วันที่ 26 กันยายน เขายิงประตูจากเกมทางการในฟุตบอลลีกคัพรอบที่สาม เกมที่ไปเยือนพบ คาร์ไลส์ เกมนั้นทีมชนะ 3-0

ไบรอัน แม็คเดอร์ม็อตต์ กล่าวยื่นซื้อ กิลฟี่ ถึงสามครั้ง แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ ในช่วงเดือนมกราคม 2013 โดยยื่นข้อเสนอกว่า 10 ล้านปอนด์ วันที่ 25 กุมภาพันธ์ เขายิงลูกแรกในพรีเมียร์ลีกให้ สเปอร์ส เป็นลูกที่สองซึ่งเกมนั้นทีมชนะ เวสต์แฮม 3-2 และนัดต่อมาที่เปิดศึก นอร์ธ ลอนดอน ดาร์บี้ ชนะ อาร์เซน่อล 2-1 เขาจ่ายบอลให้ แกเร็ธ เบล ยิงประตู

ฤดูกาล 2013/14 เขายิงประตูเกมที่ชนะ นอริช 2-0 วันที่ 14 กันยายน 2013 ทำให้ทีมตราไก่ ขึ้นสู่รองจ่าฝูงพรีเมียร์ลีก ยิงประตูเกมเปิดบ้านเสมอ เชลซี 1-1 วันที่ 28 กันยายน 2013

กิลฟี่ย้ายมาสวอนซี

สวอนซี (ครั้งที่สอง)

เดือนกรกฎาคม 2014 สเปอร์ส ประกาศว่า กิลฟี่ จะย้ายไปร่วมทีม สวอนซี สลับกับ เบน เดวี่ส์ ที่ย้ายมาที่ สเปอร์ส เกมเปิดฤดูกาล 2014/158 เขายิงสองประตูให้ทีมชนะ แมนยู 2-1 ที่สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด เป็นครั้งแรกที่ทีม ปีศาจแดง ต้องแพ้นัดเปิดฤดูกาลนับตั้งแต่ปี 1972 ต่อมาเขาจ่าย 3 แอสซิสต์ในสองเกม หนึ่งในนั้นคือเกมที่เปิดบ้านพบ อาร์เซน่อล วันที่ 9 พฤศจิกายน 2014 เขาปั่นฟรีคิกข้ามกำแพงเข้าไปที่ซุกก้นตาข่าย ในระยะ 25 หลาและสุดท้ายทีมชนะได้ 2-1 ต่อมาเขายิงประตูเกมที่ชนะ ลิเวอร์พูล 4-1 ที่แอนฟิลด์ เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม

วันที่ 17 มกราคม 2015 เขาจ่ายบอลกลับหลังพลาดทำให้ ออสการ์ ของ เชลซี ยิงประตูหลังเกมเริ่มเพียง 50 วินาที เกมนั้นทีม หงส์ขาว เปิดบ้านแพ้ เชลซี 0-5 สัปดาห์ต่อมา เขายิงประตูและถูกไล่ออกช่วงทดเวลาเกมชนะ แบล็คเบิร์น 3-1 ในเอฟเอคัพรอบ 4 ทั้งที่ทีมเหลือ 10 คน ตั้งแต่ต้นเกมเพราะ ไคล์ บาร์ทลี่ย์ ถูกไล่ออก

เอฟเวอร์ตัน

วันที่ 16 สิงหาคม 2017 กิลฟี่ เซ็นสัญญาร่วมทีม เอฟเวอร์ตัน ด้วยการเซ็นสัญญามาร่วมทีมค่าตัว 40 ล้านปอนด์ (และค่าตัวอาจจะเพิ่มขึ้นมาอีก 5 ล้านปอนด์) ซึ่งจะทำให้เป็นสถิติของสโมสรอีกด้วย วันที่ 24 สิงหาคม 2017 เขายิงประตูแรกให้ เอฟเวอร์ตัน หลังจากที่ได้ลงสนามเต็มเกม 90 นาที ซึ่งเป็นการยิงประตูระยะกว่า 50 หลาในฟุตบอลยูโรป้าลีก รอบเพลย์ออฟ เลกที่สองเกมที่แข่งกับ ไฮจ์ดุ๊ก สปลิท ต่อมาวันที่ 26 พฤศจิกายน 2017 เขายิงประตูในพรีเมียร์ลีกเป็นลูกแรก ในสีเสื้อของ เอฟเวอร์ตัน เกมที่แข่งกับ เซาแธมป์ตัน ที่แพ้ 1-4 วันที่ 2 ธันวาคม 2017 เขามีชื่อเป็นผู้ทำประตูเกมที่ชนะ ฮัดเดอร์สฟิลด์ เขาจบฤดูกาล 2017/18 ด้วยการยิง 6 ประตู และ 5 แอสซิสต์ ลงสนามไป 31 นัด

เขาออกสตาร์ทฤดูกาล 2018/19 ให้กับ เอฟเวอร์ตัน โดยเป็นการจ่ายบอลให้ ไมเคิล คีน เกมกระชับมิตรที่พบ บาเลนเซีย เกมนั้นทีมแพ้ 2-3 วันที่ 29 กันยายน 2018 เขายิงประตูแรกให้ทีมในฤดูกาล ในชัยชนะเหนือ ฟูแล่ม 3-0 วันที่ 26 ธันวาคม 2018 เขาแอสซิสต์และยิงประตูจากลูกโทษในเกมที่ชนะเหนือ เบิร์นลี่ย์ 5-1

ย้ายมาเอฟเวอร์ตัน

ระดับทีมชาติ

กิลฟี่ มีชื่อเป็นส่วนหนึ่งของรายการยูโร 2008 ยู19 เขายิงได้สองประตูในรอบคัดเลือกและยิงได้สองประตูในรอบสุดท้าย แต่ว่าไอซ์แลนด์ต้องแพ้ต่อบัลแกเรียทีมแชมป์กลุ่ม ทำให้ทีมคะแนนตามหลังสามแต้มและชวดเข้ารอบชิงชนะเลิศ เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2007 เขาได้ลงสนามเป็นเกมแรกให้ไอซ์แลนด์ ยู21 โดยลงสนามไป 30 นาทีเกมที่แพ้ต่อเยอรมัน 0-3 (เกมอุ่นเครื่อง) เขาได้ลงสนามเกมฟุตบอลยูโร ยู21 รอบคัดเลือก ในอีก 4 วันต่อมา โดยลงสนามมาช่วงต่อเวลาพิเศษ 120 นาที และเล่นนัดที่เหลือในรายการนั้น และนัดสุดท้ายที่พบสโลวะเกีย เขายิงประตูเบิกร่องแต่สุดท้าย ทีมได้แค่เสมอ 1-1 เดือนตุลาคม 2011 เกมที่ไอซ์แลนด์ แข่งกับ ซาน มาริโน่ เขายิงประตูใน 16 นาทีช่วยให้ทีมชนะคู่แข่ง 6-0

เดือนพฤษภาคม 2010 เขาได้ลงสนามเต็มเกมให้ไอซ์แลนด์ เกมที่ชนะเหนือ อันดอร์รา และจ่ายบอลให้ทีมในลูกที่สอง (จากลูกเปิดฟรีคิก) เขาช่วยให้ไอซ์แลนด์เข้าเล่นฟุตบอลยูโร ยู21 ปี 2011 ในรอบสุดท้าย โดยทีมชนะสก๊อตแลนด์ด้วยประตูรวม 4-2 (เกมที่สองเขายิงสองประตูในครึ่งหลัง ทำให้ทีมชนะในเกมนั้น 2-1)

วันที่ 13 ตุลาคม 2014 กิลฟี่ ยิงได้สองประตู (หนึ่งในนั้นเป็นลูกโทษ) เกมที่ไอซ์แลนด์ พบ เนเธอร์แลนด์ ในฟุตบอล ยูโร 2016 รอบคัดเลือก และโปรแกรมที่พบกันอีกครั้งหนึ่งเมื่อวันที่ 3 กันยายนที่ อัมสเตอร์ดัม อารีน่า เขายิงประตูจากจุดโทษ หลังจากที่ เกรกอรี่ ฟาน เดอ วีล ทำฟาวล์เบียร์เคียร์ บียาร์นาสัน

กิลฟี่ ติดทีมไอซ์แลนด์ ไปเล่นฟุตบอลยูโร 2016 วันที่ 18 มิถุนายน เขายิงประตูตีเสมอ ฮังการี 1-1 ที่สนามสต๊าด เวโลโดรม

เดือนพฤษภาคม 2018 กิลฟี่ มีชื่อเล่นให้ทีมชาติไอซ์แลนด์ 23 คนที่ไปเล่นฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย โดยในรอบแบ่งกลุ่ม ที่พบโครเอเชีย เขายิงลูกโทษนาที 76 แต่ทีมก็แพ้ 1-2 และตกรอบในทัวร์นาเม้นต์นี้

ระดับทีมชาติของกิลฟี่

The post มนุษย์น้ำแข็ง กิลฟี่ ซิกูร์ดส์สัน (Gylfi Sigurdsson) first appeared on ผลบอลสด บ้านผลบอล ผลบอลวันนี้ 7m 888 Livescore.]]>
ปีกหงส์ตัวเก่ง เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ (Trent Alexander-Arnold) https://www./%e0%b9%80%e0%b8%97%e0%b8%a3%e0%b8%99%e0%b8%95%e0%b9%8c-%e0%b8%ad%e0%b9%80%e0%b8%a5%e0%b9%87%e0%b8%81%e0%b8%8b%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%94%e0%b8%ad%e0%b8%a3%e0%b9%8c/ Mon, 18 Mar 2019 06:15:13 +0000 https://www./?p=28769 เทรนต์ จอห์น อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ (เกิด 7 ตุลาคม 199[...]

The post ปีกหงส์ตัวเก่ง เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ (Trent Alexander-Arnold) first appeared on ผลบอลสด บ้านผลบอล ผลบอลวันนี้ 7m 888 Livescore.]]>
ปีกหงส์ตัวเก่ง เทรนต์ อเล็กซานเดอร์

เทรนต์ จอห์น อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ (เกิด 7 ตุลาคม 1998) เขาเป็นนักฟุตบอลอาชีพชาวอังกฤษ โดยลงเล่นในตำแหน่งแบ็คขวาให้กับสโมสร ลิเวอร์พูล ในพรีเมียร์ลีก อังกฤษและทีมชาติอังกฤษ

อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ คือผลผลิตของระบบทีมเยาวชนของสโมสร ลิเวอร์พูล ซึ่งมีโอกาสลงประเดิมสนามให้กับทีมชุดใหญ่ครั้งแรกเมื่อปี 2016 ด้วยวัยเพียง 18 ปี โดยเขาลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่ไปแล้วกว่า 50 นัดและยังเคยคว้ารางวัลผู้เล่นดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีของสโมสรอย่างต่อเนื่องในปี 2017 และ 2018 นอกจากนี้เขายังเคยลงเล่นให้ทีมชาติอังกฤษทุกชุดนับตั้งแต่ชุดอายุไม่เกิน 16 ปีจนถึง 21 ปี ก่อนที่จะมีโอกาสประเดิมสนามให้กับทีมชาติชุดใหญ่เป็นครั้งแรกในเดือนมิถุนายน 2018 และเขายังเป็นหนึ่งในขุนพลชุดลุยศึกฟุตบอลโลก 2018 อีกด้วย

เส้นทางอาชีพตั้งแต่เริ่ม

ลิเวอร์พูล

ชีวิตในช่วงต้นและการค้าแข้ง

ชีวิตในช่วงต้นและการค้าแข้ง

เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เกิดที่เวสต์ดาร์บี้ ในเมือง ลิเวอร์พูล เขาเข้ารับการศึกษาที่โรงเรียนประถมคาทอลิกเซนต์ แม็ทธิวส์ จากนั้นเมื่อตอนเขาอายุ 6 ขวบ สโมสร ลิเวอร์พูล ได้เป็นเจ้าภาพในการจัดค่ายฤดูร้อนซึ่งโรงเรียนของเขาถูกรับเชิญให้เข้าร่วมงานในครั้งนี้ โดยชื่อของเขาถูกสุ่มขึ้นมาจากหมวกให้เข้าร่วมกิจกรรม และในค่ายนี้เองที่ทำให้เขาได้พบกับ เอียน บาร์ริแกน โค้ชทีมเยาวชนของ ลิเวอร์พูล ผู้ซึ่งเสนอโอกาสให้เขาเข้าร่วมระบบทีมเยาวชนของสโมสร เขาเริ่มต้นฝึกซ้อมเป็นเวลาสองถึงสามครั้งต่อสัปดาห์และหลังจากนั้นเขาได้เป็นกัปตันทีมรุ่นอายุไม่เกิน 16 และ 18 ปี ภายใต้การคุมทีมของเพพินจ์ ลินจ์เดอร์ นอกจากนี้ในช่วงเวลาดังกล่าว เขายังต้องแบ่งเวลาให้กับการศึกษาอีกด้วย ต่อมาในปี 2015 เขาถูกเลือกและถูกกล่าวถึงในหนังสืออัตชีวประวัติของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด กัปตันทีม ลิเวอร์พูล ว่าจะมีอนาคตที่สดใสกับทีมอย่างแน่นอน ขณะที่ในฤดูกาล 2015-16 อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ถูกเลือกเข้ามาสู่ทีมชุดใหญ่ของสโมสร โดยกุนซือเบรนแดน ร็อดเจอร์ สำหรับการเตรียมทีมในช่วงพรีซีซั่นที่จะต้องลงสนามอุ่นเครื่องกับ สวินดอน ทาวน์ โดยเขามีโอกาสลงประเดิมสนามในเกมนี้และคว้าชัยชนะไปได้ด้วยสกอร์ 2-1

ฤดูกาล 2016 ถึงปัจจุบัน จุดพลิกผัน

หลังจากการมีส่วนร่วมกับทีมในช่วงทัวร์พรีซีซั่นที่สหรัฐอเมริกา อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ มีโอกาสลงสนามในเกมทางการให้กับทีมเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2016 ในเกมเอาชนะ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ไปได้ 2-1 ในการแข่งขันอีเอฟแอล คัพ รอบ 4 โดยในเกมนี้เขาโดนใบเหลืองในครึ่งเวลาแรกจากการทำฟาล์วใส่ เบน เดวิส ก่อนที่จะถูกเปลี่ยนตัวออกให้ นาธาเนียล ไคลน์ แบ็คขวาตัวจริงลงเล่นแทนในนาทีที่ 68 ต่อมา สตีเว่น เจอร์ราร์ด อดีตกัปตันทีม ลิเวอร์พูล ยังยืนยันว่า อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ จะกลายเป็นผู้เล่นระดับสูงได้ หลังจากที่เขาได้ลงประเดิมสนามและมีชื่อติดอยู่ในทีมยอดเยี่ยมของอีเอฟแอล คัพในรอบนั้น ซึ่งเป็นเกมที่เขาได้ประสานงานร่วมกับ ดาเนียล สเตอร์ริดจ์

วันที่ 8 พฤศจิกายน ลิเวอร์พูล ได้ประกาศขยายสัญญายาวของเขาออกไป จากนั้นเขาได้ลงเล่นเป็นตัวจริงในเกมอีเอฟแอล คัพ รอบถัดมาและสามารถทำแอสซิสต์แรกของตัวเขาเองได้ หลังจ่ายบอลให้ ดิว็อค โอริกี้ ยิงประตูขึ้นนำได้ในชัยชนะ 2-0 เหนือ ลีดส์ ยูไนเต็ด นอกจากนี้เขายังได้รับรางวัลแมนออฟเดอะแมตช์อีกด้วย ต่อมาเขามีโอกาสลงประเดิมสนามในพรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม โดยถูกส่งลงเป็นตัวสำรองคนสุดท้ายในเกมถล่ม มิดเดิลสโบรช์ 3-0 และยังออกสตาร์ทเป็นตัวจริงครั้งแรกในเกมที่เสมอกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-1 เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2017 จากนั้นในเดือนพฤษภาคม เขาถูกประกาศให้เป็นผู้เล่นดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีของสโมสรและของพรีเมียร์ลีก โดยในฤดูกาลนั้น เขาลงเล่นไปทั้งสิ้น 12 นัดในทุกรายการให้กับทีม

ในช่วงเริ่มต้นฤดูกาล 2017-18 แบ็คขวาตัวจริงของทีมอย่าง ไคลน์ ได้รับอาการบาดเจ็บหลังอย่างรุนแรง ซึ่งส่งผลให้ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ มีโอกาสที่ดีในการลงสนามสลับสับเปลี่ยนกับ โจ โกเมซ ในช่วงต้นซีซั่น จากนั้นในวันที่ 15 สิงหาคม 2017 เขาทำประตูแรกของเขาให้กับทีมได้จากการสังหารฟรีคิกในเกมเอาชนะ ฮอฟเฟ่นไฮม์ 2-1 ในการแข่งขันยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบเพลย์ออฟนัดแรก จากประตูนี้ทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นที่มีอายุน้อยที่เป็นอันดับสามในประวัติศาสตร์สโมสรที่สามารถทำประตูในรายการยุโรปได้ หลังจาก ไมเคิล โอเว่น และ เดวิด แฟลร์คลัฟ เคยทำเอาไว้ และในระหว่างการแข่งขันในรอบแบ่งกลุ่มนี้ เขาสามารถทำประตูได้อีกครั้งในชัยชนะ 7-0 เหนือ มาริบอร์ เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม ซึ่งส่งผลให้เป็นชัยชนะในเกมเยือนมากที่สุดของการแข่งขันรายการนี้ และมากที่สุดของสโมสรจากอังกฤษอีกด้วย จากนั้นเขาทำประตูอีกครั้งโดยเป็นประตูแรกในพรีเมียร์ลีก นัดบ็อกซิ่งเดย์ ซึ่งถล่ม สวอนซี ไป 5-0 ที่แอนฟิลด์

วันที่ 4 เมษายน 2018 อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ทำสถิติกลายเป็นผู้เล่นอังกฤษที่มีอายุน้อยที่สุดที่ลงเล่นเป็นตัวจริงในเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแปดทีมสุดท้ายและสามารถเอาชนะคู่แข่งอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปได้ 3-0 จากผลงานในนัดดังกล่าวส่งผลให้เขาคว้าแมนออฟเดอะแมตช์ไปครอง รวมทั้งได้รับคำชื่นชมจากสื่อถึงความสามารถในการประกบตัว ลีรอย ซาเน่ ปีกของ แมนฯซิตี้ อยู่หมัด จากนั้นเขายังสร้างความประทับใจอีกครั้งในการลงเป็นตัวสำรองในเกมกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในนัดที่สอง ซึ่งช่วยให้ทีมสามารถเอาชนะไปได้ด้วยสกอร์รวม 5-1 พาทีมผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี ต่อมาวันที่ 10 พฤษภาคม เขาคว้ารางวัลผู้เล่นดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีของสโมสรจากผลงานอันโดดเด่นในการลงเล่นทั้งรายการในประเทศและรายการยุโรป แม้ว่าจะเป็นซีซั่นที่สองของเขากับทีมเท่านั้น ในอีกหนึ่งเดือนถัดมา เขายังทำสถิติเป็นผู้เล่น ลิเวอร์พูล ที่มีอายุน้อยที่สุดที่ได้ลงเล่นในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดชิงชนะเลิศ แม้ว่าจะจบลงด้วยการพ่ายแพ้ไป 3-1 ก็ตาม จากนั้นในเดือนกรกฎาคม จากบทสรุปหลังจบฤดูกาลทำให้เขาถูกเสนอชื่อในการประกาศรางวัลโกลเด้นบอย แต่สุดท้ายกลายเป็น มัทไธจ์ส เดอ ลิกต์ กองหลังดาวรุ่งของ อาแจ็กซ์ ที่คว้ารางวัลนี้ไปครอง

ในช่วงเริ่มต้นของฤดูกาลถัดมา เขามีโอกาสลงสนามนัดที่ 50 ให้กับสโมสรในเกมที่ลงเล่นเป็นตัวจริงและเฉือนเอาชนะ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ไปได้ 2-1 ซึ่งเป็นการลงเล่นเจอคู่แข่งทีมเดียวกันกับนัดที่เขาลงประเดิมสนามนัดแรกให้กับทีมเมื่อสองปีก่อน จากนั้นในเดือนตุลาคม เขาเป็นหนึ่งในสิบนักเตะที่ถูกเสนอชื่อเข้ารับรางวัลโคปา โทรฟี่ ซึ่งเป็นรางวัลของฟร็องซ์ ฟุตบอล สำหรับมอบให้นักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมที่มีอายุไม่เกิน 21 ปี ซึ่งเขาได้รับการโหวตให้อยู่ในอันดับที่หก โดยมีนักเตะชื่อดังอย่าง ไมเคิล โอเว่น เดนิส ลอว์ และ พาเวล เนดเวด โหวตให้ จากนั้นในอีกหลายเดือนต่อมา เขายังถูกจัดอันดับจากรายงานของ CIES ให้อยู่ในฐานะฟูลแบ็คที่มีมูลค่าในการย้ายทีมที่คุ้มค่าที่สุดในโลก

วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2019 อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ กลายเป็นผู้เล่นที่มีอายุน้อยที่สุดด้วยวัยเพียง 20 ปี 143 วัน ที่สามารถทำแอสซิสต์ได้ถึงสามลูกในหนึ่งเกม หลังจากแอสซิสต์ให้ ซาดิโอ มาเน่ สองครั้งและให้ เวอร์จิล ฟาน ไดฟ์ อีกหนึ่งครั้งในเกมที่เอาชนะ วัตฟอร์ด ไปได้ 5-0

ทีมชาติอังกฤษชุดเยาวชน

เส้นทางทีมชาติ

ทีมชาติอังกฤษชุดเยาวชน

อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ลงเล่นในเกมทีมชาติระดับเยาวชนครั้งแรกในศึกฟุตบอลโลก 2015 ชุดอายุไม่เกิน 17 ปีที่ประเทศชิลี ต่อมาในวันที่ 7 ตุลาคม 2016 เขาทำสองประตูให้กับทีมชาติอังกฤษ ชุดอายุไม่เกิน 19 ปี ในเกมที่เอาชนะโครเอเชียไปได้ 3-1 จากนั้นเขาทำได้อีกหนึ่งประตูในเกมที่พ่ายแพ้ต่อ เวลส์ ไป 3-2 ในเดือนพฤศจิกายน โดยเขาเป็นผู้ทำประตูแรกได้ ส่วนอีกหนึ่งประตูมาจากการทำเข้าประตูตัวเองของ มาร์ค แฮร์ริส ขณะที่ในวันที่ 24 มีนาคม 2017 เขาทำสองประตูในเกมที่เอาชนะทีมชาติสเปน 3-0 ในการแข่งขันรอบคัดเลือกของศึกยูโร 2017 ชุดอายุไม่เกิน 19 ปี แต่ต่อมาเขากลับไม่ได้มีส่วนร่วมกับทัวร์นาเมนต์ดังกล่าว เนื่องจากต้นสังกัด ลิเวอร์พูล ได้เจรจากับทีมชาติอังกฤษเพื่อขอเก็บตัวเขาไว้สำหรับการเตรียมทีมในซีซั่นถัดไป และในท้ายที่สุดอังกฤษก็สามารถเอาชนะโปรตุเกสได้ในนัดชิงชนะเลิศและคว้าแชมป์ไปครองได้สำเร็จ

ในอีกหนึ่งเดือนต่อมา เขาถูกเรียกตัวติดทีมชาติอังกฤษ ชุดอายุไม่เกิน 21 ปีเป็นครั้งแรก สำหรับเตรียมทีมลุยศึกยูโร ชุดอายุไม่เกิน 21 ปี ซึ่งต้องพบกับทีมชาติเนเธอร์แลนด์และทีมชาติลัตเวีย โดยเขามีโอกาสประเดิมนัดแรกในวันที่ 5 กันยายน ซึ่งคว้าชัยชนะไปได้ 3-0 ที่ บอร์นมัธ

ทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่

ในเดือนมีนาคม 2018 ขณะที่เขาเป็นส่วนหนึ่งของทีมชุดอายุไม่เกิน 21 ปี อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ถูกเรียกตัวให้ไปฝึกซ้อมกับทีมชาติชุดใหญ่เป็นครั้งแรกสำหรับลงเล่นเกมกระชับมิตรกับอิตาลีและเนเธอร์แลนด์ และหลังจากนั้นเขาก็มีชื่ออยู่ในทีมของ แกเร็ธ เซาต์เกต สำหรับลุยศึกฟุตบอลโลก 2018 จากนั้นเขาได้รับโอกาสให้ลงสนามเป็นครั้งแรกในวันที่ 7 กรกฎาคม 2018 ซึ่งเป็นเกมนัดกระชับมิตรกับทีมชาติคอสตาริกาที่ เอลแลนด์ โร้ด และเอาชนะไปได้ 2-0 โดยก่อนเกมการแข่งขันนัดนี้ เขาได้รับพระราชทานเสื้อแข่งขันจากพระหัตถ์ของเจ้าชายวิลเลียม ยุคแห่งเคมบริดจ์อีกด้วย หลังจากนั้นเขาได้ลงประเดิมสนามในศึกฟุตบอลโลกเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน ในเกมที่พ่ายแพ้ต่อเบลเยี่ยมไป 1-0 แต่ทั้งสองทีมก็สามารถผ่านเข้าสู่รอบน็อคเอ้าท์ได้สำเร็จ โดยนัดดังกล่าวเป็นเพียงนัดเดียวที่เขามีโอกาสได้ลงเล่น ขณะที่ในรอบน็อคเอ้าท์กับโครเอเชียในรอบรองชนะเลิศ และในนัดชิงอันดับที่สามกับเบลเยี่ยม เป็นคีแรน ทริปเปียร์ ที่ได้ลงเล่นในตำแหน่งแบ็คขวาทั้งหมด

วันที่ 15 พฤศจิกายน 2018 ในระหว่างเกมกระชับมิตรซึ่งเป็นแมตช์เกียรติยศของ เวย์น รูนี่ย์ ซึ่ง อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ สามารถทำประตูแรกในเกมทีมชาติชุดใหญ่ได้สำเร็จ ซึ่งทีมชาติอังกฤษสามารถเอาชนะทีมชาติสหรัฐอเมริกาไปได้ 3-0 ที่เวมบลีย์ และจากประตูดังกล่าวซึ่งเขาสามารถทำได้ในวัยเพียง 20 ปี 39 วัน ส่งผลให้ตัวเขากลายเป็นนักเตะ ลิเวอร์พูล ที่มีอายุน้อยที่สุดที่ทำประตูให้ทีมชาติอังกฤษ นับตั้งแต่ ไมเคิล โอเว่นเคยทำเอาไว้เมื่อปี 1999

รูปแบบการเล่น อเล็กซานเดอร์

รูปแบบการเล่น

อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เป็นผู้เล่นตำแหน่งฟูลแบ็คที่มีพรสวรรค์รวมทั้งมีความฉลาดหลักแหลมและความเข้าใจในเกม อีกทั้งยังมีการผ่านบอลที่ยอดเยี่ยม โดยเป็นผลมาจากการฝึกฝนและลงเล่นในตำแหน่งกองกลางเมื่อครั้งยังเล่นอยู่ในทีมเยาวชน นอกจากนี้ยังมีทีเด็ดจากการสังหารฟรีคิกอีกด้วย ขณะที่ภายใต้การคุมทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ เขาถูกจับไปเล่นริมเส้นด้านขวาเป็นส่วนใหญ่ซึ่งทำให้เขาสามารถวิ่งสอดจากแถวสองขึ้นไปได้บ่อยครั้ง เขายังมีการเปิดบอลจากด้านข้างที่แม่นยำและทำงานอย่างหนักในการเติมเกมรุก ทำให้เขามีบทบาทสำคัญอย่างมากในการเล่นเกมแบบสวนกลับซึ่งเป็นรูปแบบหลักของทีม

ชีวิตส่วนตัว

อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เป็นหลานชายของ จอห์น อเล็กซานเดอร์ อดีตนักเตะ มิลวอลล์ และ เร้ดดิ้ง และอดีตเลขานุการสโมสรของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นอกจากนี้ โดรีน คาร์ลิ่ง คุณยายของเขายังเคยเป็นอดีตคนรักของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อดีตผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก่อนที่เธอจะย้ายไปยังนิวยอร์คและแต่งงานในที่สุด ดังนั้น อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ จึงสามารถเลือกเล่นให้กับทีมชาติสหรัฐอเมริกาได้ ก่อนที่เขาจะเลือกประเดิมสนามให้กับทีมชาติอังกฤษ เขายังมีพี่ชายและน้องชายอีกสองคนคือ ไทเลอร์ พี่ชายซึ่งอายุมากกว่าเขา 4 ปีและเป็นเอเย่นต์ส่วนตัวของเขาด้วย ส่วนน้องชายคือ มาร์เซล มีอายุน้อยกว่าเขา 3 ปี

นอกเหนือจากด้านฟุตบอลแล้ว อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ยังทำงานอาสาสมัครโดยเป็นทูตให้กับงานการกุศลของสโมสร ลิเวอร์พูล โดยโครงการ ”หนึ่งชั่วโมงเพื่อผู้อื่น (An Hour for Others)” ของเขาเป็นการค้นหาสมาชิกผู้ด้อยโอกาสทางสังคมเพื่อแบ่งปันอาหารและวัตถุดิบรวมทั้งของเล่น สำหรับการยังชีพและการเรียนรู้ นอกจากนี้เขายังให้การสนับสนุนงานการกุศลต่างๆ นับตั้งแต่ได้รับการแนะนำโดยคุณแม่ของเขาเมื่อครั้งยังเป็นวัยรุ่น ขณะช่วงที่ยังลงเล่นให้กับทีมเยาวชน เขาและ ครีส โอเว่นส์ เพื่อนร่วมทีมให้คำสัญญาต่อกันว่าจะสนับสนุนซึ่งกันและกันหากคนใดคนหนึ่งสามารถก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่และเป็นนักเตะอาชีพได้สำเร็จ

เขายังเป็นนักเล่นหมากรุกตัวยง โดยเขาได้คำแนะนำให้เล่นกีฬานี้จากคุณพ่อของเขาตั้งแต่ยังเด็ก และในปี 2018 เขาได้เล่นในเกมรับเชิญพบกับ แม็กนัส คาร์ลเซ่น ดีกรีแชมป์โลกหมากรุก โดยการแข่งขันนัดดังกล่าวเป็นการช่วยโปรโมตแคมเปญการแข่งขันหมากรุกอีกด้วย และในท้ายที่สุดเขาพ่ายแพ้ไปหลังจากเดินหมากได้เพียง 17 ตา แต่ยังมากกว่า บิล เกตส์ ซึ่งลองเล่นกับ คาร์ลสัน เมื่อไม่กี่เดือนก่อนหน้านั้นถึง 8 ตา

ชีวิตส่วนตัว อเล็กซานเดอร์

The post ปีกหงส์ตัวเก่ง เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ (Trent Alexander-Arnold) first appeared on ผลบอลสด บ้านผลบอล ผลบอลวันนี้ 7m 888 Livescore.]]>
มิลาน สคริเนียร์ (Milan Skriniar) เซ็นเตอร์แบ็กตัวโหด https://www./%e0%b8%a1%e0%b8%b4%e0%b8%a5%e0%b8%b2%e0%b8%99-%e0%b8%aa%e0%b8%84%e0%b8%a3%e0%b8%b4%e0%b9%80%e0%b8%99%e0%b8%b5%e0%b8%a2%e0%b8%a3%e0%b9%8c-milan-skriniar/ Sat, 16 Mar 2019 08:31:31 +0000 https://www./?p=28304 มิลาน สคริเนียร์ เกิดวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 1995 เป็นนักฟ[...]

The post มิลาน สคริเนียร์ (Milan Skriniar) เซ็นเตอร์แบ็กตัวโหด first appeared on ผลบอลสด บ้านผลบอล ผลบอลวันนี้ 7m 888 Livescore.]]>
มิลาน สคริเนียร์ เซ็นเตอร์แบ็กตัวโหด

มิลาน สคริเนียร์ เกิดวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 1995 เป็นนักฟุตบอลอาชีพชาวสโลวะเกียเล่นตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็ก ให้ อินเตอร์ มิลาน และทีมชาติสโลวะเกีย เขาติดทีมยอดเยี่ยม ของสโลวะเกีย ยู21 ในทัวร์นาเม้นต์เมื่อปี 2016 ได้รับรางวัลปีเตอร์ ดูบรอฟสกี้ อวอร์ด

ระดับสโมสรตั้งแต่เริ่ม

เอ็มเอสเค ซิลิน่า

สคริเนียร์ เริ่มต้นอาชีพกับ เอฟเค เซียร์ นาด โฮโนม ก่อนที่จะย้ายมาเล่นระดับเยาวชนกับ เอ็มเอเค ซิลิน่า เมื่ออายุ 12 ขวบ เขาได้ลงสนามเกมทางการของฟุตบอลซูเปอร์ลีกา สโวละเกีย เป็นครั้งแรกวันที่ 27 มีนาคม 2012 ด้วยวัย 17 ปี 49 วัน เกมนั้นแข่งกับ วิออน ซลาเต้ โมราฟเซ่ วันที่ 23 พฤศจิกายน 2012 เขายิงประตูแรกในฟุตบอลกอร์ก้อน ลีกาเกมแข่งกับ วิออน ซลาเต้ โมราฟเซ่ ซึ่ง ซิลิน่า ชนะ 4-1

ย้ายทีมแบบยืมตัวไปที่ วิออน ซลาเต้ โมราฟเซ่

เขาถูกยืมตัวไปที่ ซลาเต้ โมราฟเซ่ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2013 เพื่อจะมีโอกาสลงสนามมากขึ้น

ซามพ์โดเรีย

วันที่ 29 มกราคม 2016 ซามพ์โดเรีย ประกาศอย่างเป็นทางการว่าสโมสรเซ็นสัญญาคว้าตัว มิลาน สคริเนียร์ ด้วยสัญญา 4 ปีครึ่ง เขาลงสนามเกมแรกนัดที่ชนะ ลาซิโอ้ 2-1 ในบ้านเมื่อปลายเดือนเมษายน ระหว่างฤดูกาล สคริเนียร์ ได้ลงสนามตำแหน่งเดียวกับ มาร์โก จามเปาโล -เขาจัดว่าเป็นนักเตะกองหลังที่อายุน้อยที่สุดที่ลงสนามในฟุตบอลเซเรีย อา รวมแล้วเขาลงสนามไป 35 เกม

ระดับสโมสรของมิลาน

อินเตอร์ มิลาน

วันที่ 7 กรกฎาคม 2017 สคริเนียร์ ย้ายมาร่วมทีม งูใหญ่ อินเตอร์ มิลาน ด้วยสัญญา 5 ปี สโมสรต้องจ่ายเงินค่าตัวประมาณ 20 ล้านยูโร รวมกับ จานลูก้า คาปรารี่ การย้ายทีมของเขาทำให้เขาเป็นนักเตะค่าตัวแพงที่สุดของสโลวะเกียในเวลานั้น สี่วันต่อมาเขาได้สวมเสื้อหมายเลข 37 เขากล่าวว่า เป็นเรื่องที่อเมซิ่งมาก ซึ่งเมื่อ 18 เดือนที่แล้วผมยังเล่นอยู่ที่สโลวะเกีย อยู่เลย เวลานี้ผมมาเล่นกับ อินเตอร์ มิลาน แล้ว เขาได้ลงสนามเกมอย่างเป็นทางการวันที่ 20 สิงหาคม เกมเปิดฤดูกาล 2017/18 ที่แข่งกับ ฟิออเรนติน่า เกมนั้นทีมชนะ 3-0 ที่ซานซิโร่ เขายิงประตูแรกในฟุตบอลเซเรีย อา วันที่ 16 กันยายน เกมที่แข่งกับ โครโตเน่ เป็นการยิงประตูนำ 1-0 นาทีที่ 82 ด้วยเท้าขวาจบเกมทีม งูใหญ่ ไปเยือนเอาชนะได้ 2-0 ทำให้ อินเตอร์ชนะรวดในเวลานั้น เขายิงลูกที่สองในเกมที่ 10 ที่พบทีมเก่า ซามพ์โดเรีย วันที่ 24 ตุลาคม (ยิงลูกแรกให้ทีม) เกมนั้น อินเตอร์ ชนะ 3-2 สคริเนียร์ เล่นได้อย่างยอดเยี่ยมในฤดูกาลแรกของเขา เขาได้รับการเชิดชูว่าเป็นนักเตะที่เล่นดีที่สุดในทีม จากนั้นเขาได้ลงสนามทุกเกมและพา อินเตอร์ มิลาน จบอันดับที่สี่ของลีก และได้กลับไปเล่นฟุตบอลแชมเปี้ยนส์ลีกเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปี

ระดับทีมชาติ

สคริเนียร์ ลงสนามให้ทีมชาติชุดเยาวชน และลงเล่นเกมแรกในทีมชุดใหญ่เกมกระชับมิตรที่ชนะจอร์เจีย 3-1 วันที่ 27 พฤษภาคม 2016 และช่วงปลายปี 2016 เขาได้รับเสนอชื่อเข้าไปเล่นฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โดยลงสนามตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรับ

หลังการรีไทร์ของ แยน ดูริก้า เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2017 สคริเนียร์ เข้ามาเล่นเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ คู่กับ มาร์ติน สเคอร์เทล ในทีมชาติและบางครั้งยังต้องเป็นกองหลังตัวหลักเมื่อ สเคอร์เทล เจ็บ (เช่นสองเกมที่พบเนเธอร์แลนด์และโมร็อกโก) ด้วยความที่เขาอายุยังน้อยจึงมีคนนำเขาไปเปรียบกับ ปีเตอร์ เปคาริค และ โธมัส ฮูโบคาน

สคริเนียร์ ติดทีมชาติสองเกมในนัดที่พบสาธารณรัฐเช็ก และสวีเดน เมื่อวันที่ 13 และ 16 ตุลาคม 2018 เขาได้ลงสนามแทนที่ การรีไทร์ ของ แยน โคซัค และทีมชาติสโลวะเกีย ได้แต่งตั้ง โคซัค เป็นโค้ช ต่อมาเขาก็ได้นำ สคริเนียร์ ขึ้นสู่ทีมชาติชุดใหญ่ปี 2016

ระดับทีมชาติของมิลาน

สคริเนียร์ รวมกับเพื่อนทั้ง มาร์ติน ดูบราฟก้า, มิชาล ซูลล่า ,นอร์เบิร์ต กยอมเบอร์, ลูโบเมียร์ ซัตก้า, วลาดิเมียร์ ไวส์ และ สตานิสลาฟ โลบอตก้า โดยหลังเกมที่แพ้ต่อสาธารณรัฐเช็ก ในฟุตบอลยูฟ่า เนชั่นส์ลีก นัดที่สอง เกมนั้นทีมแพ้ 1-2 พวกเขาออกจากโรงแรก ทำผิดกฎของทีมที่ไม่อนุญาตให้นักเตะออกจากโรงแรมที่พัก หลังเที่ยงคืน แต่ว่าเขาก็มาขอโทษกุนซือ แยน โคซัค ในวันรุ่งขึ้น ต่อมา โคซัค ลาออกจากงานคุมทีมชาติสโลวะเกีย เมื่อบ่ายวันที่ 14 ตุลาคม โดยแถลงการณ์ที่ห้องประชุมวันที่ 18 ตุลาคม และเพื่อต้องการให้ทีมชาติเตรียมพร้อมก่อนลงสนามกับสวีเดน ให้เต็มที่ที่สุด

โดยผู้ช่วยกุนซือ สเตฟาน ทาร์โควิช เข้ามาเป็นกุนซือรักษาการณ์แทน โดย โคซัค กล่าวว่าการกระทำดังกล่าวเป็นเรื่องที่น่าอายของวงการฟุตบอลสโลวะเกียอย่างแท้จริง

หนึ่งชั่วโมงก่อนที่ โคซัค จะประกาศลาออก สคริเนียร์ และ โลบอตก้า ถูกวิจารณ์จาก โคซัค หลังเกมกับสาธารณรัฐเช็ก ว่าเล่นไม่ดี ไม่เหมาะสมกับค่าตัวหลักล้าน ซึ่งตัวนักเตะต้องรับผิดชอบ โดยให้ดูตัวอย่างจากนักเตะที่มีประสบการณ์มากกว่าอย่าง มาร์ติน สเคอร์เทล, มาเร็ค ฮัมซิค

สไตล์การเล่น

เขาเป็นกองหลังที่เข้าปะทะได้หนักหน่วง รวดเร็ว และเข้าบอลไม่โฉ่งฉ่าง ด้วยความที่เป็นเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ บางครั้งเขาถูกดันขึ้นไปเล่นมิดฟิลด์ตัวรับ เขาเป็นเต้ยในระดับยู21 โดยที่ผู้จัดการทีมเก่าของเขากล่าวว่าเขาเป็นผู้นำในทีมทั้งในและนอกสนาม มีคนนำเขาไปเปรียบเทียบกับ มาร์ติน สเคอร์เทล อดีตนักเตะ ลิเวอร์พูล ชาวสโลวะเกียด้วย

สไตล์การเล่นของ มิลาน

The post มิลาน สคริเนียร์ (Milan Skriniar) เซ็นเตอร์แบ็กตัวโหด first appeared on ผลบอลสด บ้านผลบอล ผลบอลวันนี้ 7m 888 Livescore.]]>
นักเตะจอมดื้อ อาเดรียง ราบิโอต์ (Adrien Rabiot) https://www./%e0%b8%ad%e0%b8%b2%e0%b9%80%e0%b8%94%e0%b8%a3%e0%b8%b5%e0%b8%a2%e0%b8%87-%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%9a%e0%b8%b4%e0%b9%82%e0%b8%ad%e0%b8%95%e0%b9%8c-adrien-rabiot/ Sat, 16 Mar 2019 07:42:56 +0000 https://www./?p=28299 อาเดรียง ราบิโอต์ เป็นนักฟุตบอลอาชีพชาวฝรั่งเศส เกิดวัน[...]

The post นักเตะจอมดื้อ อาเดรียง ราบิโอต์ (Adrien Rabiot) first appeared on ผลบอลสด บ้านผลบอล ผลบอลวันนี้ 7m 888 Livescore.]]>
นักเตะจอมดื้อ อาเดรียง ราบิโอต์

อาเดรียง ราบิโอต์ เป็นนักฟุตบอลอาชีพชาวฝรั่งเศส เกิดวันที่ 3 เมษายน 1995 เล่นให้ เปแอสเช ในลีกเอิง

เขาเริ่มต้นเล่นบอลอาชีพเมื่อปี 2012 คว้าแชมป์กว่า 16 รายการรวมถึง 4 แชมป์ลีกเอิง และ 1 ทริปเปิ้ล แชมป์เมื่อฤดูกาล 2015/16 ราบิโอต์ ติดทีมชาติ 53 นัดให้ฝรั่งเศสชุดเยาวชน และลงสนามทีมชุดใหญ่ปี 2016 อนาคตของ ราบิโอต์ ยังคงมืดมนหากว่าเขายังคงดื้อแพร่งที่จะไม่ต่อสัญญาใหม่กับทีม ตัวเขาอาจไม่ถูกส่งลงสนามและอาจถูกปล่อยตัวไปฟรีๆก็ได้

เส้นทางสายอาชีพ

ราบิโอต์ เกิดที่ แซงต์-มัวริซ วัล-เดอ-มาร์น และเล่นระดับเยาวชนกับหลายทีม รวมถึงที่สโมสรเกรไตล์-ลูซิตานอส และ 2-3 เดือนที่ แมนฯซิตี้ วันที่ 2 กรกฎาคม 2012 เขามีประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมที่แค้มป์ เดส์ โลเกส เขาเซ็นสัญญากับ เปแอสเช (ปารีส แซงต์ แชร์กแม็งต์) 3 ปี

ราบิโอต์ ขึ้นทีมชุดใหญ่ โดยผู้จัดการทีม คาร์โล อันเชล็อตติ ฤดูกาล 2012/13 เป็นเกมปรีซีซั่นที่เขาได้ยิงลูกโทษเกมที่ชนะ บาร์เซโลน่า และวันที่ 26 สิงหาคม เขาได้ลงสนามเกมแรกในลีกเอิง เกมเสมอ บอร์กโดซ์ 0-0

เขาประเดิมแชมเปี้ยนส์ลีกกับทีม วันที่ 6 พฤศจิกายน 2012 เกมรอบแบ่งกลุ่มที่ชนะ ดินาโม ซาเกร็บ 4-0 (เกมนั้นเขาเจ็บ) เดือนมกราคมปี 2013 เขาถูกยืมตัวไป ตูลูส ยิงประตูแรกวันที่ 9 มีนาคม 2013 เกมที่พบ แบรสต์ จากระยะ 25 หลา

ราบิโอต์ ขึ้นทีมชุดใหญ่

เมื่อเขากลับสู่ เปแอสเช เขาได้ลงสนาม 46 เกมยิง 6 ประตู ลงสนามในฟุตบอลลีกช่วงปี 2013-2015 โดยแม่ของเขา (เวโรนิก) แนะนำว่าอยากจะให้เขาเซ็นสัญญากับทีมยาวนานกว่านี้ เขาออกสตาร์ทฤดูกาล 2015/16 ด้วยสองใบเหลือง หลังจากผ่านไป 29 นาที เกมเยือนชนะ ลีลล์ 1-0

ราบิโอต์ ยิงประตูแรกในฟุตบอลยุโรป วันที่ 25 พฤศจิกายน 2015 ในลูกแรกเกมที่ชนะ มัลโม่ 5-0 ในแชมเปี้ยนส์ลีก และยิงได้อีกครั้งเกมที่ชนะ เชลซี 2-1 วันที่ 9 มีนาคม ช่วยให้ เปแอสเช ผ่านเข้ารอบควอเตอร์ไฟนอลด้วยสกอร์รวม 4-2 สี่วันต่อมาเขายิงประตูเกมที่ถล่ม ทรัวส์ ทีมบ๊วยท้ายตาราง 9-0 และทำให้ทีมชนะรวดแปดนัด

วันที่ 23 เมษายน 2016 เขาถูกใบแดงไล่ออกในฟุตบอล เฟร้นช์ ลีก คัพเกมที่ชนะ ลีลล์ 2-1 เมื่อรวมสองฤดูกาล เขาลงสนามกว่า 60 เกม ยิงได้ 4 ลูก ปลายเดือนตุลาคม 2018 ทั้ง ราบิโอต์ และ คิเลียน เอ็มบัปเป้ ถูกดร็อปจาก 11 คนแรกภายใต้ผู้จัดการทีม โธมัส ทูเคิ่ล ที่มาประชุมก่อนเกมสาย จากนั้นเดือนมกราคมเขาปฏิเสธสัญญาฉบับใหม่กับทีม เพราะว่าเดือนธันวาคมเขาถูกบังคับให้ไปซ้อมกับทีมสำรอง

ระดับทีมชาติ

วันที่ 13 สิงหาคม 2013 ราบิโอต์ ในวัย 18 ปี ได้ลงสนามให้ฝรั่งเศส ยู21 เสมอ 0-0 เกมกระชับมิตรกับเยอรมันที่ ไฟร์บวร์ก มีโอกาสเข้าคัดตัวไปเล่นฟุตบอลยูโร 2016 แต่สุดท้ายโดนตัดตัว

ราบิโอต์ ลงสนามเกมแรกวันที่ 15 พฤศจิกายน 2016 เกมที่พบ ไอวอรี่ โคสต์ ลงเป็น 11 คนแรกและถูกเปลี่ยนออกโดย โตม่าส์ เลอมาส์ นาที 78 เกมนั้นเสมอ 0-0 และเขาเจ็บ แฮมสตริง ด้วย วันที่ 17 พฤษภาคม เขาถูกปฏิเสธจากกุนซือ ดิดิเย่ร์ เดส์ช็องป์ ชวดไปเล่นฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย

ระดับทีมชาติของราบิโอต์

The post นักเตะจอมดื้อ อาเดรียง ราบิโอต์ (Adrien Rabiot) first appeared on ผลบอลสด บ้านผลบอล ผลบอลวันนี้ 7m 888 Livescore.]]>
ริชาร์ลิสัน (Richarlison de Andrade) ตัวรุกฟอร์มแรง https://www./%e0%b8%a3%e0%b8%b4%e0%b8%8a%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b9%8c%e0%b8%a5%e0%b8%b4%e0%b8%aa%e0%b8%b1%e0%b8%99/ Fri, 15 Mar 2019 08:22:22 +0000 https://www./?p=28128 ริชาร์ลิสัน เดอ อันดราเด้ เกิดเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 19[...]

The post ริชาร์ลิสัน (Richarlison de Andrade) ตัวรุกฟอร์มแรง first appeared on ผลบอลสด บ้านผลบอล ผลบอลวันนี้ 7m 888 Livescore.]]>
เส้นทางอาชีพ ของริชาร์ลิสัน

ริชาร์ลิสัน เดอ อันดราเด้ เกิดเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 1997 หรือที่เรียกว่า ริชาร์ลิสัน เป็นนักฟุตบอลอาชีพชาวบราซิล ที่เล่นตำแหน่งกองหน้าให้ เอฟเวอร์ตัน ทีมในพรีเมียร์ลีก และติดทีมชาติบราซิลมาแล้ว

เขาเริ่มต้นเล่นฟุตบอลลอาชีพกับทีม อเมริกา มิไนโร่ เมื่อปี 2015 โดยพาทีมขึ้นสู่ คัมเปโอนาโต้ บราซิเลโร่ บี จากนั้นเพียงแค่ปีเดียวเขาย้ายมาเล่นให้ ฟลูมิเนนเซ่ ลงสนามกว่า 67 นัดและยิงได้ 19 ประตูในสองปี และได้มีชื่อติดทีมยอดเยี่ยมของฟุตบอลลีก พาทีมจบรองแชมป์เมื่อปี 2017 ในฟุตบอลลีก คัมเปโอนาโต้ คาริโอก้า จากนั้นย้ายมาเซ็นสัญญาที่ วัตฟอร์ด ก่อนที่ปีต่อมาจะย้ายมาเล่นให้ เอฟเวอร์ตัน

เส้นทางอาชีพ

อเมริกา มิเนโร่

เขาเกิดที่โนวา เวเนเซีย , เอสปิริโต้ ซานโต้, ริชาร์ลิสัน ร่วมทีม อเมริกา มิเนโร่ กับทีมเยาวชน เมื่อเดือนธันวาคม 2014 จากเมืองรีล โนเรสเต้ เมื่อเดือนมิถุนายน 2015 เขาขึ้นมาชั้นเล่นกับทีมชุดใหญ่โดยผู้จัดการทีม จิวานิลโด้ โอลิเวียร่า เขาปฏิเสธข้อเสนอจากหลายทีม โดยเขาลงทุนใช้เงินส่วนตัวซื้อตั๋วเดินทางแบบเที่ยวเดียวมาเทสต์ฟุตบอลกับทีมนี้ ที่เมืองเบโล ฮอริซอนเต้

ริชาร์ลิสัน ได้ลงสนามในเกมฟุตบอลอาชีพ ครั้งแรกวันที่ 4 กรกฎาคม 2015 เกมที่เปิดบ้านชนะโมจิ มิริม 3-1 โดยเขาลงสนามมาแทนที่ของ คริสเตียโน่ เขายิงประตูสุดท้ายได้ในเกมนั้นด้วย อีก 17 วันต่อมาเขาได้ขยายสัญญากับทีมต่อไปจนถึงปี 2018

วันที่ 21 พฤศจิกายน 2015 ทีม อเมริกา ได้เลื่อนชั้นขึ้นสู่ คัมเปโอนาโต้ บราซิเลโร่ เซเรีย อา เกมแรกเสมอ เซียร่า 1-1 ริชาร์ลิสัน ถูกใบแดงไล่ออกในช่วงเกมจบ จากจังหวะที่ฟาวล์ชาร์ลส์

ฟลูมิเนนเซ่

วันที่ 29 ธันวาคม 2015 ริชาร์ลิสัน ได้เซ็นสัญญา 5 ปีกับทีม ฟลูมิเนนเซ่ ทีมในเซเรีย อา เขาได้ลงสนามนัดแรกวันที่ 13 พฤษภาคม 2016 เกมเลกที่สองของรอบสองในฟุตบอลโคป้า โด บราซิล เกมนี้เขาเล่นได้ดีช่วยให้ทีมเปิดบ้านเสมอคู่แข่งเฟอร์โรเวียเรีย รวมผลสองนัด ฟลูมิเนนเซ่ ชนะ 6-3

เขาได้ลงสนามในเกมฟุตบอลลีกในอีกสองวันต่อมา เกมที่ไปเยือนชนะ อดีตทีมเก่า อเมริกา 1-0 เขายิงประตูแรกในวันที่ 26 มิถุนายน เกมนั้นทีมเอาชนะ ฟลาเมงโก้ คู่ปรับตัวฉกาจได้ 2-1 และเกมนี้เขาต้องถูกเปลี่ยนตัวออกเนื่องจากเจ็บ

ฟุตบอลคัมเปโอนาโต้ คาริโอก้า เมื่อปี 2017 ริชาร์ลิสัน ยิงได้ 8 ประตูจก 12 นัดและพาทีมได้รองแชมป์รองจาก ฟลาเมงโก้ สำหรับเกมฟุตบอลถ้วยเขาได้ลงสนามเกมที่ชนะ วาสโก ดากาม่า ในรอบรองชนะเลิศ 3-0 ที่สนามมาราคาน่า สเตเดี้ยม

ปีเดียวกัน เขาได้ลงสนามแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์ระดับประเทศเป็นครั้งแรก ฟุตบอลโคป้า ซูดาเมริกาน่าเมื่อปี 2017 เขาได้ลงสนามสี่เกม พาทีมจากกรุงริโอ เดอ จาเนโร เข้าสู่รอบควอเตอร์ไฟนอล และยิงประตูได้ในเกมที่พบ ลิเวอร์พูล (อุรุกวัย) และ ยูนิเวอร์ซิดัด คาโตลิก้า (เอกวาดอร์ ) ในรายการนี้ ทั้งสองรอบ

ตอนอยู่ที่วัตฟอร์ด

วัตฟอร์ด

ริชาร์ลิสัน ได้ย้ายมาเล่นในพรีเมียร์ลีกกับ วัตฟอร์ด อย่างเป็นทางการวันที่ 8 สิงหาคม 2017 เซ็นสัญญา 5 ปี ด้วยค่าตัว 11.2 ล้านปอนด์ เขาประเดิมสนามให้ทีม แตนอาละวาด โดยลงมาเป็นตัวสำรอง เกมที่เสมอ ลิเวอร์พูล 3-3 เกมนัดเปิดสนาม ฤดูกาล 2017/18 นัดต่อมาวันที่ 19 สิงหาคมที่พบ บอร์นมัธ เขายิงประตูแรกได้และทีมชนะได้ 2-0 เขาเป็นนักเตะ วัตฟอร์ด เพียงคนเดียวที่ได้ลงสนามทุกเกมในพรีเมียร์ลีกซีซั่นนั้น และยิงได้ 5 ประตูในฟุตบอลลีก

เอฟเวอร์ตัน

ริชาร์ลิสัน ย้ายมาเล่นที่ เอฟเวอร์ตัน เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2018 ด้วยค่าตัว 35 ล้านปอนด์และอาจเพิ่มสูงขึ้นเป็น 50 ล้านปอนด์ เพื่อมาร่วมงานกับนายเก่า มาร์โก ซิลวา ที่เคยคุม วัตฟอร์ด เขาได้ลงสนามเกมแรกวันที่ 11 สิงหาคม ยิงได้สองประตูเกมที่เสมอ วูล์ฟแฮมป์ตัน 2-2 สองสัปดาห์ต่อมาเขาถูกใบแดงไล่ออกจากสนามเกมครึ่งแรกเกมที่แข่งกับ บอร์นมัธ โดยเอาหัวไปโขกใส่ อดัม สมิธ และสกอร์จบลงที่ 2-2

ริชาร์ลิสัน ระดับทีมชาติ

ระดับทีมชาติ

ริชาร์ลิสัน ได้ถูกเรียกติดทีมชาติบราซิล ยู20 รายการฟุตบอลอเมริกาใต้ รุ่นยู 20 เขาได้ลงสนามกว่า 8 นัดและยิงได้ 2 ประตูตลอดทัวร์นาเม้นต์

วันที่ 27 สิงหาม 2018 เขาได้รับข่าวดีเมื่อมีชื่อติดทีมชาติบราซิลชุดใหญ่ภายใต้โค้ช ติเต้ ในเกมกระชับมิตรที่พบอเมริกา และ เอล ซัลวาดอร์ หลังจากที่เปโดรถอนตัว เขาได้ลงสนามเกมแรกนัดที่พบอเมริกา วันที่ 7 กันยายนที่สนามเมตไลฟ์ สเตเดี้ยม เมืองนิว เจอร์ซี่ย์ โดยถูกเปลี่ยนตัวลงสนามแทนที่ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ เกมที่บราซิลชนะ 2-0 และยิงประตูแรกในเกมถัดมาอีก 4 วันถัดมา เกมนั้นเขายิงสองประตูให้ทีมชนะ 5-0

ชีวิตส่วนตัว

วันที่ 9 สิงหาคม 2015 ริชาร์ลิสัน ได้เซ็นสัญญากับสปอนเซอร์สัญชาติอเมริกา ไนกี้

จุดเด่นของริชาร์ลิสันอยู่ที่ความรวดเร็วในการยิงประตู ลูกโหม่งก็จัดว่าเป็นจุดแข็งเพราะว่าเขาสูงกว่า 1.79 เมตร และอายุยังน้อย (21 ปี) ซึ่งเชื่อว่าเขายังพัฒนาได้มากกว่านี้ แต่ว่าเรื่องความแม่นยำในการจบสกอร์ยังไม่คมเท่าที่ควร

ชีวิตส่วนตัว ริชาร์ลิสัน

The post ริชาร์ลิสัน (Richarlison de Andrade) ตัวรุกฟอร์มแรง first appeared on ผลบอลสด บ้านผลบอล ผลบอลวันนี้ 7m 888 Livescore.]]>