จอร์โจ้ คิเอลลินี่ อดีตตำนานกองหลังของสโมสรยูเวนตุส ได้ออกมาให้การสนับสนุนตัวของ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ กองหลังกัปตันทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่โดนแซะ โดนกระแนะกระแหนเรื่องฝีเท้าและผลงานในช่วงหลายปีให้หลังคิเอลลินี่เชื่อว่า แม็คไกวร์ ได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม และโดนวิจารณ์อย่างดุเดือดเกินไป ทั้งๆที่กองหลังรายนี้ก็เป็นนักเตะที่ดีคนหนึ่ง

และนอกจากนี้ คิเอลลินี่ ยังกล่าวอีกว่าฝีเท้าระดับ แม็คไกวร์ ควรเป็นหนึ่งในรายชื่อนักเตะในทีมชาติอังกฤษซะด้วยซ้ำ แม้มันจะสวนทางกับคำวิจารณ์ของแฟนบอลทั้งหลายก็ตามเมื่อไตร่ตรองถึงสถานการณ์ของแม็คไกวร์ที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตัวของคิเอลลินี่ ได้กล่าวกับ เดอะ ไทมส์ ไปว่า “ผมเสียใจกับสถานการณ์ของแม็คไกวร์แทนเลยนะ เพราะเขาเป็นผู้เล่นที่ดีมาก”

“พวกเขา (แฟนบอล) ต้องการอะไรจากเขามากเกินไป เพียงเพราะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จ่ายเงิน 80 ล้านปอนด์เพื่อเอาเขามาเล่นด้วย เขาเลยต้องเก่งที่สุดในโลกเหรอ ต้องเล่นดีทุกนัดเหรอ มันไม่ถูกต้องเลยนะมูลค่าของตลาดขึ้นอยู่กับหลายๆ ปัจจัย คุณไม่สามารถควบคุมได้ มันไม่ใช่ความผิดของคุณ แล้วมันก็ไม่ใช่ความผิดของแม็คไกวร์คิเอลลินี่ ยังพูดเสริมอีกว่า “เขาและ [จอห์น] สโตนส์ เป็นคู่หูเกมรับที่ดีในทีมชาติ โอเค แม็คไกวร์อาจไม่ใช่ริโอ เฟอร์ดินานด์ แต่เขาดีพอด้วยสถานการณ์นี้ มันไม่ได้ช่วยให้ [อังกฤษ] ทำผลงานได้ดีที่สุดหรอก ถ้ายังมานั่งหาแพะถ้าคุณต้องการคว้าแชมป์โลก ก็ควรที่จะต้องลองพิจารณาเรื่องผลงานของแม็คไกวร์ เขาจะช่วยคุณได้”

จอร์โจ้ คิเอลลินี่ ปราการหลังกัปตันทีมยูเวนตุส ได้กล่าวยกย่องผลงานของ อันโตนิโอ คอนเต้ กุนซือท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ส ที่ซึ่งเคยวางรากฐานความสำเร็จเอาไว้ให้กับยูเวนตุส จนทำให้ยูเวนตุสกลับคืนสู่บัลลังก์แชมป์อิตาลีอีกครั้งได้สำเร็จคิเอลลินี่ได้ยอมรับว่าคอนเต้เปลี่ยนวิธีการเล่นแบบดั้งเดิมของยูเว่ไปจนหมด และทำให้ยูเว่กลับมาเป็นสุดยอดทีมอีกครั้ง โดยคอนเต้เข้ามาคุมทีมยูเวนตุสในฤดูกาล 2011-12 สามารถทำให้ยูเวนตุสคว้าแชมป์เซเรียอามาครองได้ในทันที

แม้ว่าคอนเต้จะอำลาทีมไปตั้งแต่ปี 2014 แต่ว่ายูเวนตุสที่ได้คอนเต้วางรากฐานไว้ ก็ได้แชมป์เซเรียอาอีก 6 ครั้งติดต่อกันจนมาเสียให้กับอินเตอร์ มิลาน ที่มีคอนเต้มาคุมทีมเมื่อฤดูกาลที่แล้วนั่นเองเขากล่าวว่า “ฟุตบอลของยูเว่ยุคใหม่เหรอ คอนเต้กลับเข้ามาทำทีมยูเวนตุสเป็นครั้งแรกในปี 2011 และจากนั้นเราก็เดินหน้าพัฒนาทีมต่อไปในแง่มุมที่ต่างออกไป อันโตนิโอเปลี่ยนวิสัยทัศน์ด้านฟุตบอลของเราจริงๆ”

“ผมไม่เคยคิดที่จะเริ่มเล่นด้วยความปรารถนาที่จะเลี้ยงบอลในพื้นที่ตัวเองมาก่อนเลย ผมเอาแต่มองหาจังหวะผ่านบอล ทำให้บอลอยู่ห่างๆผมไว้เพื่อความชัวร์ แต่ในช่วงหลังๆผมมักจะพยายามช่วยทีมรักษาสมดุล เช่นเดียวกับการที่ผมคอยบงการเกม ทำให้ได้ดีที่สุดในทุกสิ่ง แต่ชัดเจนว่าตอนนี้ในเรื่องการเล่นฟุตบอล ถ้าเราสามารถทำการควบคุมเกมได้ มีบอลอยู่ในการครอบครอง มันมีความสำคัญมากขึ้น พวกเราเล่นด้วยความฟิตด้วย คอนเต้นี่แหละที่ทำให้พวกเรากลายเป็นวิ่งสู่ฟัดได้ตลอดเวลา”

1. มานูเอล นอยเออร์ (GK)

มีนักฟุตบอลเพียงไม่กี่คนที่ปฏิวัติสไตล์การเล่นจากตำแหน่งของพวกเขาได้ดี จากในช่วง 1 ทศวรรษที่ผ่านมา และมานูเอล นอยเออร์ก็เป็นหนึ่งในนั้นอย่างแน่นอนผู้รักษาประตูคนนี้ ได้เปลี่ยนความหมายของการเป็นผู้รักษาประตูไปด้วยความสามารถในการ “ผ่านบอล” เพราะเขาสามารถเล่นในตำแหน่งกองกลางได้ด้วยซ้ำ ถ้าให้เล่นจริงๆจังๆ เขาทำทุกอย่างกับลูกบอลได้ดี สามารถขว้างบอลหรือผ่านบอลได้เร็วจากแนวรับ ให้กลายเป็นจังหวะทำเกมรุกได้ ออกมาเล่นนอกเขตโทษได้ดีในบทบาท “สวีปเปอร์คีปเปอร์” คู่ควรแก่การได้รับการยกย่องอย่างถึงที่สุด

2. ฟิลิปป์ ลาห์ม (RB)

สุดยอดกัปตันทีมชาติเยอรมันที่ได้แชมป์ฟุตบอลโลกประจำปี 2014 และยังเป็นผู้เล่นที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ยกย่องว่าเป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา มันยุติธรรมที่จะบอกว่า ลาห์ม เก่งกาจในศาสตร์ด้านฟุตบอลแค่ไหนแม้จะเป็นผู้เล่นเพียงคนเดียวในทีมชุดนี้ที่ในปัจจุบันไม่ได้ลงเล่นระดับอาชีพแล้ว (เขาเลิกเล่นในปี 2017) แต่จากผลงานตั้งแต่ปี 2011-2017 ลาห์มก็ยังสมควรที่จะได้รับเกียรตินี้มากกว่าใคร

3. เซร์คิโอ รามอส (CB)

ไม่ว่าคุณจะรักเขาหรือเกลียดเขา แต่คุณไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า เซร์คิโอ รามอส เป็นหนึ่งในกองหลังที่แข็งแกร่งที่สุดในช่วง 1 ทศวรรษที่ผ่านมาเขาเป็นหนึ่งในผู้เล่นเกมรับที่เก่งกาจ มีความเป็นผู้นำสูง และในช่วง 1 ทศวรรษที่ผ่านมาเขาเป็นผู้ชนะ เขาประสบความสำเร็จทุกอย่างจริงๆ เขาได้แชมป์มาหมดแล้ว รายการ ควรค่าที่จะให้การยกย่องอย่างแน่นอนแชมป์ฟุตบอลโลก, แชมเปี้ยนส์ลีกที่ได้มากกว่าหนึ่งครั้ง, ลาลีกา, คลับ เวิลด์คัพ, โคปา เดล เรย์, ถ้วยยูโร มีแค่บัลลงดอร์เท่านั้นแหละที่เขาไม่เคยได้

4. จอร์โจ้ คิเอลลินี (CB)

อันที่จริงนั้น มันมีผู้ท้าชิงอีกเยอะในตำแหน่งกองหลังตัวกลาง ไล่ตั้งแต่ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค , แวงซองต์ กอมปานี, เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ , ราฟาเอล วาราน แต่สุดท้าย คิเอลลินี ก็ยังติดทีมเข้ามาและถ้าเรามองตามความเป็นจริงแล้วนั้น มีกองหลังในโลกนี้คนไหนบ้างรึเปล่าที่สามารถทำให้ทีมของคุณแทบจะการันตีผลชนะในทุกเกมได้ มีใครทำได้มากกว่าจอร์โจ้ คิเอลลินี บ้างไหม? แน่นอนว่าไม่มีคิเอลลินีเป็นนักเตะที่มีอิทธิพลสูงต่อ สงบเยือกเย็น เป็นที่พึ่งสำหรับเพื่อนร่วมทีมของเขาได้ และเป็นสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวสำหรับฝ่ายตรงข้ามมาก เขาเป็นเซ็นเตอร์แบ็คที่สมบูรณ์แบบ คลาสสิก แข็งแกร่งครบถ้วน

5. มาร์เซโล่ (LB)

แบ็คซ้ายในทีมชุดนี้ กล่าวกันว่าเป็นตำแหน่งที่ง่ายที่สุดในการเลือกแล้วแน่นอนว่า แอนดี้ โรเบิร์ตสัน นั้นก็ยอดเยี่ยม แม้แต่ดาวิด อลาบา สมัยยังเล่นเป็นแบ็กซ้ายก็ดีเช่นกัน แต่ประวัติย่อๆของพวกเขายังเทียบไม่ได้กับรายของ มาร์เซโล่ เพราะในรอบ 10 ปีนี้เขาได้แชมป์ลาลีกา 3 สมัย , โคปา เดล เรย์ 1 สมัย , ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก 4 สมัย , ฟีฟ่า คลับ เวิลด์คัพ 4 สมัย ,ติดทีมยอดเยี่ยมของ FIFPro World XI 6 ครั้ง

6. เอ็นโกโล่ ก็องเต้ (DM)

ก็องเต้ จะทำให้ทุกทีมที่เขาเล่นให้นั้นมีผลงานที่ดีขึ้นอย่างทวีคูณเขาทำให้ทีมชาติฝรั่งเศส คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกในปี 2018 เขาทำให้เชลซีเป็นทีมที่ได้ชูถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีกในปี 2021 และเขายังทำให้เลสเตอร์ ซิตี้ เป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกในปี 2016 มาแล้วใช่แล้ว แม้แต่แฟนบอลเลสเตอร์ยังคงยากมากที่จะเชื่อว่าพวกเขาจะเป็นแชมป์ลีกได้ ต้องขอบคุณก็องเต้มากๆเลยล่ะ

7. ลูก้า โมดริช (CM)

นี่คือนักฟุตบอลเพียงคนเดียวที่ไม่ได้มีชื่อว่า ‘คริสเตียโน โรนัลโด’ หรือ ‘ลิโอเนล เมสซี่’ ที่คว้าบัลลงดอร์มาครองได้ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา (แม้ว่าโรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้จะเกือบจะคว้ามันมาครองได้ในปีก่อน) และลูก้า โมดริช ก็เป็นเพียงหนึ่งในมิดฟิลด์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลของเรอัล มาดริด ไปแล้วเขาเป็นผู้เล่นที่เล่นบอลในระดับสูงสุดได้แบบสม่ำเสมอ มาตรฐานไม่ตก โดยเฉพาะกับผลงานในปี 2018 มีแต่แฟนบอลพูดกันว่า ‘ไอ้บ้าเอ๊ย โมดริช ช่างน่าทึ่งจริงๆ’

8. อันเดรส อิเนียสต้า (CM)

มีเหตุผลมากมายว่าทำไมบาร์เซโลน่าจึงเล่นบอลได้ยอดเยี่ยม เล่นได้อย่างน่าทึ่งในช่วงครึ่งแรกของทศวรรษที่ผ่านมาจนหลายทีมอิจฉาเหตุผลหนึ่งคือเพราะ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า อีกเหตุผลก็คือลิโอเนล เมสซี่ และอีกเหตุผลที่ขาดไม่ได้ก็คือเพราะ ชาบี้ แต่ตัวหลักที่ทำให้บาร์ซ่ามีเกมรุกน่ากลัวมาก ก็เพราะการทำเกมของ อันเดรส อิเนียสต้า นี่เองก็ลองดูสิว่า นับตั้งแต่อิเนียสต้าไปค้าแข้งในเจลีก บาร์ซ่ามีสภาพอย่างไร …

9. ลิโอเนล เมสซี่ (RW)

ลิโอเนล เมสซี่ จะไม่มีชื่ออยู่ในทีมนี้ได้ไงล่ะ เขาเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดอันดับสามตลอดกาล (ต่อจาก ดิเอโก้ มาราโดน่า และ เปเล่) เขาเป็นผู้ชนะรางวัลบัลลงดอร์ 6 ครั้งในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา และเขายังเป็นผู้ที่ได้รองเท้าทองคำของยุโรป 5 ครั้งตั้งแต่ปี 2011 เป็นต้นมาอีกด้วย ไม่มีใครเป็นนักฟุตบอลที่เก่งกาจไปกว่าเขาแล้ว เมสซี่เป็นนักฟุตบอลที่ดีที่สุดในรอบสิบปีที่ผ่านมา ไม่มีใครกล้าเถียงแน่นอน

10. โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ (ST)

อย่างที่คุณคงเดาได้ นี่คือตำแหน่งที่ทำให้เกิดการโต้เถียงกันมากที่สุดในหมู่นักวิจารณ์มีเสียงต่อต้านมากมายว่า หลุยส์ ซัวเรซ ก็ยอดเยี่ยม แล้วก็มีอีกหลายเสียงที่โหวตให้ คาริม เบนเซม่า และแม้แต่กับอ็องตวน กรีซมันน์ ยังมีคนเสนอชื่อแต่ในท้ายที่สุด โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ก็เข้าวินด้วยเหตุผลง่ายๆ ว่าหมายเลข 9 คนใดทำประตูได้มากเท่ากับที่เขาทำได้ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาแล้วเขาเป็นตัวทำประตูที่ดีที่สุดในโลกในทุกวันนี้ และมีแนวโน้มว่าจะได้รับรางวัล บัลลงดอร์ ในปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ด้วย สำหรับความสำเร็จอันน่าทึ่งของเขา

11. คริสเตียโน โรนัลโด (LW)

นักเตะที่ดีที่สุดอันดับ 4 ตลอดกาล เพราะนอกจากเมสซี่แล้วก็ยังมี CR7 ยังเป็นนักฟุตบอลที่เก่งที่สุดอีกรายหนึ่งแห่งทศวรรษที่ผ่านมาอีกด้วย เขาได้บัลลงดอร์ไป 5 สมัยเลยนะ จะไม่ติดทีมได้ไง

โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ตำนานสไตรเกอร์ทีมชาติฮอลแลนด์ ได้ออกมาเล่าถึงช่วงเวลาที่เขาเคยทำการเรียกร้องให้ อาร์แซน เวนเกอร์ อดีตตำนานผู้จัดการทีมอาร์เซนอล ลองพิจารณาในการเซ็นสัญญากับ จอร์โจ้ คิเอลลินี่ ปราการหลังโปรแตกของสโมสร ยูเวนตุส ฟาน เพอร์ซี่ ในสมัยที่ค้าแข้งกับอาร์เซนอล

เขาคือดาวยิงที่ฝากความหวังในการทำประตูเอาไว้ได้มากที่สุด แต่ทว่าปัญหาที่เกิดขึ้นกับอาร์เซนอลในเวลานั้นก็คือแม้เกมรุกจะคมกริบ เฉียบชาดแค่ไหนก็ตาม แต่พวกเขากลับมีกองหลังที่เละเทะจนแทบจะไม่มีลุ้นในการคว้าแชมป์ลีกและเขาเองก็ได้ยอมรับว่าเขายังคงเป็นแฟนตัวยงของกัปตันทีมยูเวนตุสมาจนถึงตอนนี้เลยด้วยซ้ำ เขาได้กล่าวกับ Voetbalzone ไปว่า

“ผมเคยเล่นกับเขา 2-3 ครั้งได้นะครับ และเขาเป็นผู้ชนะในสนามโดยแท้จริง คุณสามารถเห็นได้เลยว่าในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมานั้นเขาเล่นดีแค่ไหน และตอนผมสู้กับเขาในนามทีมชาติเนเธอร์แลนด์ตอนเจอกับอิตาลี มันเป็นการแข่งขันที่เดือดมากตอนนี้ถึงเขาจะอายุ 36 ปีแล้ว ผ่านการโดนศอกเข้าที่หัวจนแตกมาไม่รู้กี่ครั้ง เขาก็ยังคงหัวเราะ เขายังคงยิ้ม และไม่ได้ไปเอาคืนใคร เขาเล่นบอลได้แฟร์เพลย์มาก แทบไม่โดนใบเหลืองด้วยซ้ำถ้าหากคุณต้องการกองหลังที่สามารถเอาชนะกองหน้าฝั่งตรงข้ามได้ ผมคิดว่าเราควรมีเขาผมคิดแบบนั้น และผมเองก็เคยแนะนำ อาร์แซน ให้ซื้อเขาด้วย น่าเสียดายที่อาร์เซนอลไมได้ตัวมา”

จอร์โจ คิเอลลินี่ กองหลังกัปตันทีม ยูเวนตุส ได้หวังว่าตอนนี้เขาจะสามารถเอาตัวรอดจากปัญหาอาการบาดเจ็บได้ไปจนตลอดรอดฝั่ง เพราะเขาเองก็ค่อนข้างจะเข็ดกับช่วงเวลาที่เจอมาเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งเขาได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่าอย่างหนักมาก่อน กองหลังทีมชาติอิตาลีรายนี้ ได้รับบาดเจ็บจาก ACL (เอ็นไขว้หน้าเข่าฉีกขาด) เมื่อปีที่แล้วซึ่งทำให้เขาพลาดในการแข่งขันเกือบทั้งฤดูกาล แต่มันก็เป็นจังหวะที่เหมาะสมที่จะทำให้ มาธไธจ์ เดอ ลิกต์ กองหลังหน้าใหม่ชาวดัตช์ ได้ลงสนามจับคู่กับ เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ กองหลังชาวอิตาเลียนอีกรายหนึ่งแทน และสามารถแจ้งเกิดได้ในที่สุด

ในตอนนี้ คิเอลลินี่ ได้ออกมากล่าวว่า “มันเป็นปีที่ยากลำบากในระดับบุคคล เพราะผมเองก็หวังว่าเวลาของผมในการรับมือกับอาการบาดเจ็บสาหัสจะสิ้นสุดลงเสียทีนะครับ สิ่งที่ผมหวังสำหรับฤดูกาลใหม่นี่ก็คือสุขภาพร่างกายที่ดีอย่างแน่นอน เพื่อที่ผมจะได้ช่วยเหลือทีมของผมได้เป็นอย่างดี” กองหลังมากประสบการณ์ ได้กล่าวกับ Sky Sport Italia

เมื่อถามถึงโค้ชคนใหม่อย่าง นเดรีย ปีร์โล่ “โปรแตก” ก็ได้กล่าวเสริมว่า “มันจะเป็นแคมเปญที่แปลกและยากมากที่จะรับมือ เพราะเนื่องจากยังคงมีผลกระทบมากพอสมควรหลังจากฤดูร้อนที่บ้าคลั่งและการหยุดชะงักของลีก ต้องบอกว่าเรามีฟอร์มที่ดีมากขึ้นเพราะเขา (ปีร์โล่) เข้ามาปรับปรุงทีม และผมเองก็แทบรอไม่ไหวที่จะเริ่มต้นลงเล่นให้กับทีมด้วย มันน่าสนใจในปีนี้”

มีรายงานว่าตอนนี้ตัวของ หลุยส์ ซัวเรซ กองหน้าทีมชาติอุรุกวัยของสโมสร บาร์เซโลนา กำลังทำตัวอยู่เป็นด้วยการโทรหา จอร์โจ คิเอลลินี่ กองหลังกัปตันทีมยูเวนตุสเพื่อหวังเคลียร์ความบาดหมางที่เคยเกิดขึ้นในอดีตมาก่อน ก่อนที่เขาจะย้ายไปเล่นให้กับสโมสร ยูเวนตุส ตามรายงานของ Gazzetta dello Sportนักเตะจอมถล่มประตูวัย 33 ปี พร้อมที่จะย้ายออกจาก บาร์เซโลนา หลังจากที่เขาค้าแข้งมานานถึง 6 ปี และเพิ่งจะโดนแจ้งมาว่าเขาไม่เป็นที่ต้องการของ โรนัลด์ คูมัน ผู้จัดการทีมบาร์เซโลนาคนใหม่อีกต่อไปแล้ว และสามารถยกเลิกสัญญาเพื่อย้ายทีมได้ในทันที

การย้ายไปเล่นให้กับ ยูเวนตุส นั้นมีโอกาสเป็นไปได้เช่นกัน แต่ว่าดาวยิงชาวอุรุกวัยก็ต้องการทำให้แน่ใจว่า เขาจะไม่มีปัญหาอะไรกับ คิเอลลินี่ ว่าที่เพื่อนร่วมทีมใหม่ที่เคยมีประเด็นกับซัวเรซ มาก่อนในการปะทะกันในฟุตบอลโลก 2014 เมื่อ 6 ปีที่แล้ว และหวังว่าจะสามารถเคลียร์ใจและโละความรู้สึกที่ไม่ดีใด ๆ ที่มีต่อเขาออกไปได้

ซัวเรซ กลายเป็นศัตรูกับ คิเอลลินี่ มาตั้งแต่ปะทะกันในฟุตบอลโลก 2014 ระหว่างเกมในรอบแบ่งกลุ่มที่ อุรุกวัยเจอกับอิตาลี และในเกมดังกล่าว ซัวเรซ ดันไปกัดหัวไหล่ของ คิเอลลินี่ เอาซะดื้อๆจนโดนแบนยาวหลังจากนั้น รายงานข่าวยังได้อ้างอีกว่า ยูเวนตุส ได้ตกลงเงื่อนไขส่วนตัวกับ ซัวเรซ ได้สำเร็จแล้ว ซึ่งเขาจะได้รับค่าแรงสูงถึง 2 แสน 5 หมื่นปอนด์ต่อสัปดาห์ในตูรินเลยทีเดียว

จอร์โจ้ คิเอลลินี่ กองหลังกัปตันทีมจอมดราม่าของ ยูเวนตุส ได้ยอมรับว่าตัวของ กอนซาโล่ อิกวาอิน กองหน้าชาวฟ้าขาวนั้นจัดว่าเป็นเพื่อนร่วมทีมที่มีนิสัยอ่อนไหวมากกว่าใครในหนังสืออัตชีวประวัติเล่มใหม่ของเขา ‘Io Giorgio’ คิเอลลินี่ ได้เผยให้เห็นว่าอิกวาอินนั้นแสดงท่าทางดีใจอย่างมาก เมื่อครั้งที่เขาได้ย้ายมาเล่นที่ ยูเวนตุส เมื่อ 4 ปีที่แล้ว

“กอนซาโล่เป็นคนที่ทรหดอดทน แต่เป็นคนที่ยอดเยี่ยมมากนะ เขาต้องการความมั่นใจจากคนรอบตัวเขาเสมอ” คิเอลลินี่ ได้เขียนถึงตัวของอดีตดาวยิงเท้บอดประจำรอบชิงชนะเลิศรายนี้ผมรักเขานะ ผมชอบฟังสำเนียงภาษาละตินจากเขา เขาเป็นเพื่อนร่วมทีมที่ดี นิสัยดีมาก และเขาเป็นคนที่อ่อนไหว สิ่งนี้มักทำใเขา รู้สึกคิดมากในบางทีที่เขาเล่นไม่ค่อยออกในบางเกม บางทีเขาโดนกดดันมากเกินไปแต่เราก็พยายามให้กำลังใจกันเสมอครับ เราเป็นเพื่อนกัน เราจเข้าใจกัได้”

“เราสามารถทำงานกับเขาได้ดี เขาเป็นกองหน้าที่เราฝากความหวังในการทำประตูได้ ขอแค่มีคนที่รู้ใจเขาก็พอแล้วผมยังจำวันแรกของ อิกวาอิน ในการมาเล่นที่ตูรินได้เลย แม้กระทั่งออกไปเดินในย่านใกล้สนาม มันมีแฟนบอลมากมายมารุมขอเซลฟี่ร่วมกับเขาด้วยนี่คือสวรรค์กอนซาโล่พูดซ้ำทุกวัน สวรรค์ที่เกิดขึ้นได้จากการที่เขาตัดสินใจย้ายมายังยูเวนตุส เขามองว่าที่นี่เป็นครอบครัวจริง ๆ”

จอร์โจ้ คิเอลลินี่ กองหลังกัปตันทีมยูเวนตุส ได้ออกโรงเตือนให้ตัวของ อันเดรีย ปีร์โล่ ตำนานจอมทัพอดีตเพื่อนร่วมทีมของเขา ให้มีความทะเยอทะยานในการทำงานเป็นผู้จัดการทีมให้มากกว่านี้ หลังจากที่ ปีร์โล่ ยังทำตัวติสต์ๆ ไม่ชอบที่จะทำงานด้านการเป็นผู้จัดการทีมเท่าไหร่ในมุมมองของ ปีร์โล่ ในช่วงก่อนหน้านี้นั้น เขาได้กล่าวว่าเขารู้สึกไม่ค่อยจะอยากทำงานเป็นเทรนเนอร์หรือผู้จัดการทีม เพราะคิดว่านักเตะหลายคนนั้นยังอยู่ในจุดที่สอนยาก ซึ่งตัวของเขาไม่ชอบที่จะสอนใครเท่าไหร่และตัวของ คิเอลลินี่ ก็ได้กล่าวว่า ปีร์โล่ จะต้องควบคุมอารมณ์ให้ดีกว่านี้ และอย่ายัดเยียดความคาดหวังที่มีต่อตัวของผู้เล่นเอาไว้สูงเกินไป

เขาได้อธิบายถึงสิ่งที่ ปีร์โล่จะต้องทำตามเอาไว้ในหนังสือเล่มใหม่ของเขา “มีสิ่งหนึ่งที่ผมเห็นได้เลยนะครับ นั่นคือคาแรคเตอร์ของ ปีร์โล่ เขาเป็นนักเตะที่ดีมาก เราเห็นคุณภาพของเขาได้จากทั้งระยะไกลหรือเห็นจากในทีวี ผมเองเคยเล่นร่วมกับเขา ผมรู้มาตลอดว่าเขาเป็นนักเตะที่มีคุณภาพ เขาเป็นนักเตะที่คุมเกมได้ดี และยังเป็นนักเตะสุดพิเศษที่เปิดบอลแม่นยำมากเลย”

“แน่นอนว่าเขาทำงานได้ดีในฐานะนักเตะ แต่ในฐานะโค้ชนั้น อันเดรีย จะต้องทำตัวให้เป็นปกติที่สุดและอย่าใจร้อน เขาจะไม่สามารถคาดหวังอะไรในทุกอย่างจากผู้เล่นในทีมของเขาได้ นักเตะนั้นต้องการคำแนะนำจากโค้ช และเขาทำได้แน่”

เฟลิเป้ เมโล่ อดีตมิดฟิลด์ตัวรับทีมชาติบราซิลที่เคยเล่นให้กับ ยูเวนตุส ในที่สุดก็ได้ออกมาเปิดปากแล้วว่าตัวของ จอร์โจ้ คิเอลลินี่ ปราการหลังกัปตันทีมยูเวนตุส เคยมีปัญหากับเขามานานแล้วตั้งแต่สมัยที่ เมโล่ ค้าแข้งกับยูเวนตุสเมื่อหลายปีก่อน คิเอลลินี่ ได้แสดงความผูกพยาบาทกับอดีตเพื่อนร่วมทีมยูเวนตุส ด้วยการเขียนด่า เมโล่ ลงไปในหนังสืออัตชีวประวัติใหม่ของเขาที่เพิ่งวางขาย

“เขามีปัญหากับผม เพราะผมเอาแต่ใจพอสมควรในการเล่น และยิ่งตอนที่เราเล่นกับเซียน่า มันยิ่งเกิดความมาคุมาก” เมโล่ได้บอกกับ เซบาสเตียน เฟรย์ ตำนานผู้รักษาประตูผ่านการแชทใน Live Instagram z,ไม่ได้พูดกับเขาตั้งแต่นั้น,k และเขาก็ได้เขียนหนังสือเล่มนี้ ผมเองก็อยากจะพูดในสิ่งที่ผมต้องการจะพูด สิ่งหนึ่งก็คือว่าตอนสมัยผมเล่นกับเขาที่ ยูเวนตุส ก็ใช่ว่ามันจะดีนะครับ”

“และผมสามารถเขียนหนังสือเกี่ยวกับช่วงเวลาที่ผมมีปัญหากับเขาออกมาได้เป็นพันเล่มเลย และมีสิ่งที่สำคัญกว่านี้มากที่ผมอยากจะบอก คิเอลลินี่ ไม่เคยขอโทษผมเลย แต่ก็ดีนะ เพราะตราบใดที่เขายังคิดจะรับผิดชอบในสิ่งที่เขาพูด เขาจะขอโทษผมตอนไหนก็ได้ และผมจะไม่ไปก่อกวนเขาด้วยข้อพิพาทนี้หรอก อย่างน้อยผมก็ทำเพื่อให้เขาขายหนังสือของเขาได้ เขาควรทำตามนักเตะที่เป็นแบบอย่างที่ดีในกาค้าแข้งบ้างนะครับ อย่างตัวของ ฆาเบียร์ ซาเนตติ แบบนี้ก็ได้”

จอร์โจ้ คิเอลลินี่ ปราการหลังกัปตันทีมยูเวนตุส ได้กล่าวว่าเขาเองก็ไม่ได้คิดที่จะมีปัญหากับตัวของ อันโตนิโอ คอนเต้ กุนซือชาวอิตาเลียนที่ตอนนี้ไปรับหน้าเป็นผู้จัดการทีมอินเตอร์ มิลาน ซึ่งถือว่าเป็นการเข้าไปทำทีมที่เป็นอริตัวเป้งกับยูเว่โดยตรงคอนเต้นั้นในอดีตเป็นตำนานมิดฟิลด์ชื่อดังของยูเวนตุส และยังเคยเป็นกุนซือที่เคยพายูเวนตุสคว้าแชมป์เซเรียอาได้ถึง 3 สมัยติดต่อกัน โดยเฉพาะกับฤดูกาล 2011-12 ที่สามารถพาทีมคว้าแชมป์เซเรียอาได้อย่างไร้พ่ายเลยทีเดียว และเขา (คิเอลลินี่) ก็เชื่อสนิทใจว่าโค้ชของทีมอินเตอร์รายนี้ อาจจะไม่สนุกกับงานที่กำลังทำเท่าไหร่นัก

เขาได้พูดว่า “ผมให้อภัยเขาเสมอ เพราะตอนนี้ถึงเขาจะทำงานอยู่ที่อินเตอร์ แต่ผมรู้จักเขามานานแล้ว ผมรักเขาและผมรู้ว่าเขาไปที่นั่นเพราะอะไร เพราะเขาเป็นมืออาชีพที่จริงจัง ผมแน่ใจว่าเขาจะประสบความสำเร็จ แต่อย่างไรก็ตามเขาอาจจะมีข้อสงสัยที่ชวนคิดตอนก่อนนอน และเมื่อใดก็ตามที่เขาดูตราสโมสรอินเตอร์บนเสื้อของเขา ความสงสัยเหล่านั้นอาจจะกลับมาอีกเล็กน้อย”

“ผมยืนหยัดด้วยความคิดที่ว่า ยูเวนตุส เป็นทีมที่ดีกว่าอินเตอร์เสมอ ถึงแม้ว่าทีมที่ดีที่สุดจะไม่ได้แชมป์เสมอไป ทีมที่ชนะมากที่สุดก็เช่นกัน คิเอลลินี่ ยังกล่าวเพิ่มอีกว่า “คอนเต้ ทำให้คุณได้มีส่วนร่วมกับเกมอย่างที่ไม่มีใครอื่นสามารถทำได้ เขาส่งเสริมคุณเสมอ และช่วยคุณสำหรับการทำให้ทุกสิ่งออกมาดีที่สุด และทุกคนก็สามารถมีส่วนร่วมกับเขาได้ เขาทำให้ทีมของเขาพร้อมสำหรับทุกสิ่ง”

นิโกลา เลกร็อตตาลเย อดีตปราการหลังยูเวนตุส ได้ออกโรงยืนยันว่าเขาไม่ได้มีเหตุผลอะไรที่จะต้องเข้าข้างตัวของ เฟลิเป้ เมโล อดีตมิดฟิลด์ตัวรับของสโมสรยูเวนตุส หลังจากที่เกิดเรื่องดราม่าผ่านหนังสืออัตชีวประวัติของ จอร์โจ้ คิเอลลินี่ กองหลังกัปตันทีมยูเวนตุสขึ้นมา เมโล พร้อมด้วยตัวของ มาริโอ บาโลเตลลี่ กองหน้าของสโมสรเบรสซา กลายเป็นสองนักเตะที่ถูกแฉว่าเป็นคนที่ไม่น่าคบผ่านในหนังสือชีวประวัติเล่มใหม่ของ คิเอลลินี่ กัปตันทัพ “เบียงโคเนรี”

และทางด้านของ เลกร็อตาลเย ก็ได้กล่าวกับ Calcio Today ไปว่า “ถ้าผมเอะอะโพล่งเรื่องราวทั้งหมดนี้ออกมา มันก็คงหนีไม่พ้นกับการเป็นกระแส ในทางกลับกัน ปฏิกิริยาของผู้เล่นทั้งสองนั้นก็เป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะโวยวายนะครับ ใครๆก็ต้องการปกป้องศักดิ์ศรีของตัวเองทั้งนั้น ต่างจากจอร์โจ้นะที่เขาเป็นฝ่ายเขียนแฉออกมา แต่ผมจะพูดถึงเรื่องความประพฤติที่ไม่ดีของผู้เล่นบางคนในห้องแต่งตัวให้คุณฟังบ้างก็แล้วกัน โดยที่ไม่ต้องระบุว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัว”

“คิเอลลินี่ แค่เขียนออกมาโดยเน้นให้เห็นถึงสิ่งที่นักเตะบางรายทำออกมาแล้วมันทำให้เขารำคาญ นักเตะหลายคนก็ทำตัวแบบนั้นจริงๆน่ะแหละ ทางด้านของเมโลเองผมว่าเขาเองก็รู้ตัวดีแหละว่าเขาทำอะไรผิดพลาดไปในช่วงเวลานั้นบ้าง บาโลเตลลี่เองก็เช่นกัน เมโลทำอะไรหลายอย่างมากเลยล่ะ ดังนั้นแล้วผมเลยไม่แปลกใจที่จะเห็นคิเอลลินี่เขียนอะไรแบบนั้นออกมา”

อยากเป็นผู้จัดการทีม ! จอร์โจ้ คิเอลลินี่ กองหลังกัปตันทีมยูเวนตุส ได้ยอมรับว่าการผันตัวมาเป็นผู้จัดการทีม มันเป็นเป้าหมายที่เขาอยากจะทำเช่นกันเมื่อถึงวันที่เขาเลิกเล่นฟุตบอลอาชีพ คิเอลลินี่ ได้ให้สัมภาษณ์กับ Sky Italia ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเปิดตัวหนังสืออัตชีวประวัติของเขา

“ผมต้องการเดินสายไปยังเส้นทางการเป็นผู้จัดการทีม ผมไม่ทราบว่ามันจะพาให้ผมไปอยู่ที่ใดกันแน่ เพราะผมไม่รู้ว่าตัวเองมีคุณสมบัติที่ดีพอหรือเปล่านะครับ แต่ผมเห็นตัวเองอยู่ในจุดนั้นมากกว่าการเป็นโค้ช ฟุตบอลคือชีวิตของผม ความหลงใหลของผมที่มีต่อมันจะเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของผมเสมอ ตอนนี้ผมกำลังสนุกกับช่วงเวลาที่ได้ค้าแข้ง และไม่กี่ปีที่ผ่านมาผมเองก็มีความสุขมากจริงๆ ผมไม่รู้ว่ามันจะเหลือเวลาให้ผมเล่นอีกหนึ่งหรือสองปี แต่ผมยังมีบางสิ่งที่จะทำในสนาม”

“ในช่วงหลายปีที่ผมได้เรียนรู้ มันก็ชัดเจนมากว่าผมมีอะไรหลายอย่างที่พัฒนาขึ้นในหัวของผม และเท้าของผมก็พัฒนาตามด้วยเช่นกัน เมื่อตอนที่ผมเริ่มต้นอาชีพค้าแข้งของผมที่ยูเว่ ตัวของคาเปลโล่ก็ไม่ได้ให้อะไรคุณเลย และโอกาสที่เขาได้รับจาก ยูเว่ ก็เพราะโปรไฟล์ที่ผ่านมาของเขานั่นเอง ผมคิดว่าตัวเองต้องสร้างโปรไฟล์ที่ดีขึ้นมาให้เป็นที่ประจักษ์ก่อน แล้วจากนั้นทุกอย่างที่คุณต้องการก็จะตามมาเอง ผมคิดว่าตัวเองก็มีประสบการณ์ในการเล่นมากพอและจะสานต่อได้ในตอนเป็นผู้จัดการ”

จอร์โจ้ คิเอลลินี่ กัปตันทีมยูเวนตุสและทีมชาติอิตาลี ยิมรับว่าการลงเล่นรับใช้ทีมชาติมีความหมายมากกว่าการลงให้กับสโมสรเพราะว่ามันหมายว่าคุณกำลังทำเพื่อชาติของคุณ ปราการหลังจอมแกร่งจะลงเล่นเป็นเกมที่ 100 ให้กับทีมชาติอิตาลีถ้าหากเขาได้ลงเล่นในเกมกับทีมชาติโปรตุเกสหรือทีมชาติสหรัฐอเมริกามีนักเตะแค่เพียง 7 คนเท่านั้นในประวัติศาสตร์ของอิตาลีที่สามารถทำได้

“มันเป็นเกียรติมากๆ มันเหนื่อกว่าความฝันใดๆก็ตามที่ผมเคยมีตอนที่ผมยังเป็นเด็ก” คิเอลลินี่เผยกับ Sky Sport

“คุณฝันที่จะเป็นนักฟุตบอลฝันที่จะลงเล่นในกัลโช ซีรีย์ เอและลงเล่นให้กับทีมชาติของคุณ แต่การลงเล่นให้กับทีมชาติถึง 100 นัดมันเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่ไปกว่านั้นแน่นอนผมอาจจะมีพรสวรรค์แต่มันต้องอาศัยการทำงานหนักเพื่อที่จะไปให้ถึงจุดนั้น การสวมเสื้ออัซซูรีเป็นอะไรที่พิเศษ คุณไม่ได้ถูกจำแนกด้วยสโมสรแต่คุณกำลังลงเล่นเพื่อชาติของคุณ”

“และอีกอย่างหนึ่งผมประเดิมสนามให้วันที่ 17 พฤษจิกายนและผมอาจจะได้ลงเล่นเกมที่ 100 ในวันที่ 17 พฤษจิกายนด้วยเช่นกัน กัปตันทีม? ผมคิดว่าปลอกแขนเป็นแค่เพียงสัญลักษณ์นะในทีมมีนักเตะที่เป็นผู้นำอยู่หลายคน”

จอร์โจ้ คิเอลลินี่ ปราการหลังกัปตันทีมยูเวนตุส อธิบายว่าทำไมเขาถึงกลายเป็นปีศาจร้ายในสนามและอะไรที่ทำให้พวกเขาเป็นแชมป์ “ฟุตบอลไม่ได้ตัวเลือก มันคือความหลงใหลของผมและผมเริ่มเล่นฟุตบอลตอนอายุแค่เพียง 5 ขวบ” คิเอลลินี่เริ่ม

“ผมโชคดีเพราะว่าผมมีโอกาสได้ทำมัน มันเป็นการเดินทางที่ยาวไกลและผมเริ่มเข้าใจมันได้เมื่อผมก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะอาชีพตอนอายุ 15-16 ปี ผมเติบโตขึ้นมาและพัฒนาขึ้นในทุกๆปี คุณพ่อของผมก็เล่นฟุตบอลเหมือนกันแต่ไม่ใช่ในระดับมืออาชีพ แต่เขาลงเล่นด้วยความหลงใกลกับเพื่อนๆทุกๆสุดสัปดาห์ ความลับของปราการหลังของยูเวนตุสหรอ? ความลับคือพวกเราเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน ตอนนี้พวกเราลงเล่นด้วยกันน้อยลง แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่พวกเราลงเล่นในแผงหลัง 3 คน พวกเราเล่นได้อย่างสมบูรณ์แบบหรืออยากน้อบพวกเราก็ปิดโอกาสได้ทั้งหมด”

“ไมใช่แค่เพียงเพราะพวกเราคว้าแชมป์ได้เท่านั้น แต่สิ่งที่พวกเราทำคือการเคลื่อนที่ไปตามความคิดของพวกเรา ผมไม่จำเป็นต้องเห็นลีโอหรือว่าอันเดรีย ผมรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับพวกเขา จุดแข็งของพวกเขาและจุดอ่อนของพวกเขา การกลายเป็นปีศาจร้ายในสนาม? ผมจำเป็นต้องทำแบบนั้นนะ มันเป็นธรรมชาติ แต่ตอนนี้ผมใจเย้นมากกว่าตอนที่ผมเป็นหนุ่มซะอีก”

สปิริทยอดเยี่ยมเลยทีเดียวสำหรับทางด้านของยอดทีมจากอิตาลี่ ยูเวนตุส ที่ออกมาประสานเสียงอย่างพร้อมเพรียงทั้ง มักซิเลียโน่ อัลเลกรี และ จอร์โจ้ คิเอลลินี่ ปกป้อง ดั๊กลาส คอสต้า ดาวเตะเลือดแซมบ้าที่โดนใบแดงออกในเกมล่าสุด โดยชี้ ดาวเตะรายนี้ไม่เคยมีพฤติกรรมหยาบคายในสนาม แต่คาดว่าอาจจะน็อตหลุดหรือหงุดหงิดอย่างรุนแรง

“ปกติแล้วผมเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับคำว่าทีมต้องมาที่ 1 แต่สิ่งที่ได้เห็นในวันอาทิตย์มันทำให้ผมรู้สึกแย่มากทีเดียว ความจริงแล้ว ดั๊กลาส ไม่ใช่คนที่หยาบคายหรือกระทำแบบนั้น เขาเป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่งของเรา และผมจะปกป้องเขาในสิ่งที่ได้กระทำลงไปด้วยความผิดพลาดเขาอาจจะหงุดหงิดในเกม แต่ผมเชื่อว่าเนื้อแท้ดาวเตะรายนี้ไม่ใช่คนแบบนี้” กุนซือใหญ่ อัลเลกรีออกมาเปิดใจ

“ผมไม่เชื่อหรอกว่าเขา(ดั๊กลาส)จะกระทำอะไรแบบนี้ออกมาในสนามปกติแล้วเขาเป็นนักตะที่อ่อนน้อมมากทีเดียวเวลาที่อยู่ในทีม แต่จากความตึงเครียดและสถานการณ์ในเวลาดังกล่าวอาจจะทำให้เขาหงุดหงิดหรือได้รับการยั่วยุเลยแสดงพฤติกรรมแบบนั้นออกมาในสนาม” คิเอลลินี่เปิดใจถึงดาวเตะเลือดแซมบ้า

โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในเกมที่ม้าลายยุเวนตุสเปิดบ้านเอาชนะ ซัสซูโอโล่ ไปได้ 2-1 และทางด้านดาวเตะรายนี้ลงมาเป็นตัวสำรองก่อนที่จะโดนใบแดงไล่ออกจากสนาม ซึ่งหลังจากนั้นทางด้าน คอสต้า ก็ได้โพสต์ข้อความขอโทษแฟนบอล และ สโมสร ที่เขาได้กระทำในสิ่งที่ไม่สมควรออกไป