นิคกี้ บัตต์ และพอล สโคลส์ อดีตคู่หูตำนานนักเตะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ดูท่าทางว่าทั้งคู่น่าจะได้มีส่วนร่วมกับการบริหารสดมสรซัลฟอร์ด ซิตี้ มากขึ้นในฤดูกาลหน้าทั้งคู่เป็นเจ้าของสโมสร – พร้อมกับที่เหล่าเพื่อนร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชุด “คลาส ออฟ 92” อันเกรียงไกรอีกหลายชีวิตก็ถือหุ้นสโมสรนี้อยู่เช่นกันไล่ตั้งแต่ แกรี่ เนวิลล์ , ฟิล เนวิลล์ ,ไรอัน กิ๊กส์ และ เดวิด เบ็คแฮม ก็จะพยายามเข้ามามีบทบาทในสโมสรมากยิ่งขึ้น และจะได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับ นีล วู้ด ผู้จัดการทีมคนใหม่ด้วย

บัตต์ วัย 47 ปี ได้ลาออกจากงานโค้ชที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชุดเล็กตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว และสโคลส์ ซึ่งก็อายุ 47 ปีแล้ว เขาเองก็เป็นผู้จัดการทีมสโมสร โอลด์แฮม ในปี 2019 แต่ว่าก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเท่าไหร่นักตอนนี้พวกเขาจะพยายามออกมาจากห้องผู้บริหารที่แสนสบาย เพื่อลงมาช่วยงานวู้ด กุนซือวัย 39 ปีในการเคี่ยวนักเตะเป็นประจำมากกว่าเดิมวู้ด ซึ่งเข้ามาทำงานแทนที่ แกรี่ โบวเยอร์ ซึ่งเป็นอดีตนักเตะเด็กปั้นของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อีกคน และแม้ว่าเขาจะไม่เคยปรากฏตัวในระดับทีมชุดใหญ่ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ตาม แต่ก็ยังได้มาทำงานกับซัลฟอร์ดอยู่ช่วงหนึ่ง ก่อนจะได้วู้ดมาคุมแทน

เขากล่าวว่า “ผมตื่นเต้นมากสำหรับความท้าทายนี้ ผมคิดว่ามันจะเป็นอะไรที่ดีมากๆ ในการก้าวไปข้างหน้า มันจะเป็นความท้าทายครั้งใหม่สำหรับผม แต่เป็นความท้าทายที่ผมตั้งตารอมันมาตลอดผมใช้เวลาหลายปีในการเรียนรู้การเป็นผู้ฝึกสอน เคยเป็นเฮดโค้ชในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และนี่คือความก้าวหน้าในครั้งต่อไปของผมอย่างเรียบง่าย เป็นธรรมชาติ ดังนั้นมันจึงเป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้น”

พอล สโคลส์ ตำนานนักเตะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้กล่าวว่า เขาต้องการให้เอริค เทน ฮาก ว่าที่โค้ชใหม่ของยูไนเต็ดเลียนแบบการทำงานของ มิเกล อาร์เตต้า ผู้จัดการทีมอาร์เซนอล หากว่า เทน ฮาก ย้ายมาทำงานให้กับยูไนเต็ดในช่วงซัมเมอร์นี้อย่างเป็นทางการเทน ฮาก จะได้กลายเป็นหัวหน้าโค้ช “ผีแดง” อย่างถาวรเมื่อสิ้นสุดฤดูกาลนี้ โดยเขามารับงานต่อจาก ราล์ฟ รังนิค ที่ทำทีมแค่เป็นการชั่วคราวเท่านั้นเมื่อถูกถามถึงงานของ เทน ฮาก ที่รอเขาอยู่ข้างหน้า สโคลส์ ก็ได้แนะนำว่า เทน ฮาก ควรเลียนแบบการทำงานของ อาร์เตต้า ที่ทำงานให้กับอาร์เซนอลในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

เขาบอกกับ talkSPORT ว่า “แน่นอนว่ามันเป็นงานใหญ่สำหรับเขา มันเป็นงานใหญ่สำหรับใครก็ตาม ผมคิดว่ามีความเสี่ยงในเรื่องนี้ และจะมีผู้จัดการคนใดก็ตามที่คุณอาจแต่งตั้งเข้ามา และอาจประสบความสำเร็จก็ได้เขาทำผลงานได้ดีมากที่อาแจ็กซ์ ผมคิดว่าเขามีสายเลือดผู้จัดการสายเกมรุกที่ดีจริงๆ เขาทำงานร่วมกับเป๊ปที่บาเยิร์น มิวนิคด้วย แต่เขาแค่ต้องเชื่อในวิธีการทำงานของเขา งานนี้ยากมากกว่าอาแจ็กซ์ถึง 10 เท่า เขารู้ดี”

“พวกเขาเป็นทีมที่ดีที่สุดในฮอลแลนด์ และพวกเขาจะเป็นเช่นนั้นตลอดไปแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นสโมสรฟุตบอลระดับโลก และเขาจะต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์ในบางครั้ง เพราะมันกำลังจะเกิดขึ้น ผมคิดว่าเขามีกลุ่มนักเตะที่มีความสามารถ แต่ก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับนักเตะกลุ่มนี้ ทำให้นักเตะเชื่อมั่นในวิธีการของเขา ผมคิดว่ามันก็ค่อนข้างชัดเจนว่าผู้เล่นกลุ่มนี้ อยากร่วมงานกับโค้ชที่มีความชัดเจน เขาต้องเป็นผู้จัดการทีมที่ดุดัน เหมือนกับอาร์เตต้าที่อาร์เซนอลนิดหน่อย”

พอล สโคลส์ ตำนานจอมทัพของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้เปิดแกวิจารณ์การเล่นของ แอนโธนี่ เอลังกา ดาวรุ่งของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในเกมที่พวกเขาตกรอบบอลถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก ด้วยการพ่ายแพ้ต่อแอตเลติโก มาดริดเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมานี้เกมการแข่งขันเลกแรกที่ ว่านต๋า เมโทรโปลิตาโน ดาวเตะวัยรุ่นชาวสวีเดนรายนี้ ยิงประตูเซฟชีวิตให้กับยูไนเต็ดได้สำเร็จ แต่ว่าในเกมเลกสองที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เขาไม่สามาถตามประกบชูเอา เฟลิกซ์ นักเตะชาวโปรตุเกสของแอตเลติโก มาดริด ได้อยู่หมัด แถมยังเล่นพลาดในช็อตที่ต้องตามประกบ เรนาน โลดี้ จนทำให้โลดี้ทำประตูชัยใส่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เขี่ยทีม “อสูรแดง” กลับลงหลุมไปแบบจ๋อยๆด้วยสกอร์รวม 2-1

มันคือการชวดได้แชมป์ติดต่อกัน 5 ปีแล้วของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พวกเขาเหลือให้ลุ้นแค่การคว้าพื้นที่ Top 4 ของพรีเมียร์แล้วเท่านั้น ซึ่งก็นับว่ายากเย็นไม่แพ้กันสโคลส์กล่าวว่า “ผมไม่คิดว่ามันเป็นการฟาวล์ ผมคิดว่าเขาโดนเบียดล้มง่ายเกินไป”

“ริโอ (เฟอร์ดินานด์) พูดถูก แบ็คโฟร์อยู่เต็มไปหมด แต่เอลังกาต้องวิ่งมาช่วยหนุนแผงหลัง และเขาก็โดนนักเตะที่หุ่นหนากว่าเบียดจนคว่ำเขาต้องขุนตัวเองอีกเยอะ การจะเบียดสู้กับนักเตะแบบ โลดี้ คุณต้องมีกล้ามเนื้อที่หนาพอมันเป็นรอบ 16 ทีมสุดท้ายในแชมเปี้ยนส์ลีก เมื่อคุณเสียบอล คุณก็อาจจะทำให้ทีมแพ้ได้ และตอนนี้ก็เห็นแล้วนี่ว่า เอลังกา หมดสภาพจริงๆ เขาต้องฝึกใหม่มาอีกเยอะ”

พอล สโคลส์ ตำนานนักเตะของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้กล่าวยกย่องฟอร์มการเล่นของ เควิน เดอ บรอยน์ กองกลางจอมทัพของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ หลังจากที่ เดอ บรอยน์ ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ในเกมที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขยี้ทีมเก่าของ สโคลส์ ได้แบบยับเยินเดอ บรอยน์ ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นอีกครั้งในชัยชนะเหนือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยที่จอมทัพทีมชาติเบลเยี่ยมรายนี้ ยิง 2 จ่าย 1 ในชัยชนะ 4-1

หลังจากจบเกม สโคลส์ ที่ได้เห็นเกมสุดอัปยศในนัดนี้ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ได้กล่าวว่า: “เควินเป็นกองกลางที่ดีที่สุดในพรีเมียร์ลีกและอาจจะเป็นกองกลางที่ดีที่สุดในโลกไปแล้ว เขาทำได้ทุกอย่างเลยทีเดียว เขาเป็นนักเตะที่ผ่านบอลได้ฉังสุดๆ เท้าสองข้างของเขามันเนียนพอกัน ทั้งในจังหวะยิงและเปิดบอล เขาทำได้อย่างไรนะ”

“ผมนึกไม่ออกเลยว่า มีมิดฟิลด์คนไหนบ้างที่ตอนนี้กำลังเข้าใกล้ระดับการเล่นของเขา เขาสามารถทำทุกอย่างได้อย่างแน่นอน เป็นมิดฟิลด์ที่ครบเครื่องที่สุดมันจะมีผู้เล่กองกลางสักกี่คนกันเชียว ที่จ่ายบอลดีและครองบอลได้ดี แถมเขายิงประตูได้คมด้วย สร้างโอกาสให้กับเพื่อนก็ดีไปหมด งมาช่วยเกมรับได้ด้วย และจ่ายบอลได้อย่างน่าเหลือเชื่อด้วย ทุกครั้งที่เขามีบอล เขาคิดถึงการสร้างสรรค์โอกาสในการทำประตูเท่านั้นจริงๆไอเดียในการสร้างสรรค์เกมของเขามันสุดยอดจริงๆ ผมอยากเห็นการเล่นของเขายกระดับไปมากขึ้นกว่านี้จริงๆ นี่คือนักเตะที่ดีที่สุดในตำแหน่งกองกลาง”

พอล สโคลส์ ตำนานจอมทัพผู้ยิ่งใหญ่ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้กล่าวว่า มาร์คัส แรชฟอร์ด กองหน้าหมายเลข 10 ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พยายามทำตัวให้เล่นบอลได้ยากเกินไป โดยเฉพาะในเกมการแข่งขันนัดล่าสุดของเขาสโคลส์ พยายามขอร้องให้ แรชฟอร์ด หยุดเล่นท่ายาก หรืออย่าไปยิงบอลด้วยวิธีแปลกๆ เพื่อหวังให้เกิดช็อต ‘มหัศจรรย์’ มากจนเกินไป หลังจากที่สตาร์แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โชว์ฟอร์มได้น่าอนาถใจในเกมกับ แอตเลติโก มาดริด ทั้งเสียบอลง่าย ยิงไกลไม่ค่อยเข้ากรอบ มันเลยทำให้ทีมทำได้แค่เสมอกับ แอตเลติโก มาดริด ในบอลถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีกเมื่อคืนนี้แบบแทบจะไม่มีลุ้น มันทำให้เจ้าพ่อลูกยิงไกลจาก สโคลส์ ออกมาตำหนิรุ่นน้องรายนี้กันเลยทีเดียว

“เขาดูกังวลเกินไป เล่นบอลเหมือนคนขาดความมั่นใจ และสำหรับผมนะ ดูเหมือนว่าเขาจะเกร็ง และพยายามเล่นลูกยากๆมากเกินไปจริงๆ ทุกครั้งที่ลูกบอลมาหาเขา มันเกือบจะรู้สึกเหมือนว่าเขากำลังพยายามทำอะไรที่มันวิเศษ พิสดาร ไม่เหมือนชาวบ้าน กะให้ทุกคนได้ว้าว แต่สุดท้ายก็ท่าดีทีเหลว มันแป้ก มันอาจจะกลายเป็นสิ่งที่แย่ที่สุดเท่าที่คุณสามารถทำให้ทุกคนเห็นกันเลยล่ะ” สโคลส์ กล่าวกับบีที สปอร์ต

“ผมจำได้เสมอ เมื่อผมต้องพยายามผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบาก ผู้จัดการทีมของผมในเวลานั้น (เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน) ได้กล่าวว่า จงทำให้ทุกอย่างมันเรียบง่าย แค่พยายามกลับเข้าสู่เกม แต่ดูเหมือนว่าเขาจะทำไม่ได้ เขามักจะคิดว่าเขาเกิดมาเพื่อทำบางสิ่งบางอย่างที่มันน่าร้อง โอ้ ว้าวเขาแค่ต้องสงบสติอารมณ์ให้มากกว่านี้ ทุ่มเทให้กับเกม แล้วฟอร์มดีๆของเขาจะกลับมาเอง”

พอล สโคลส์ ตำนานนักเตะของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้เชื่อว่ามีเพียงผู้จัดการทีมแบบ อันโตนิโอ คอนเต้ คนเดียวเท่านั้นที่จะสามารถจัดการทีมของพวกเขาให้กลับมาเป็นทีมที่ดีอีกครั้งได้“ปีศาจแดง” กำลังมีผลงานที่สะเปะสะปะอยู่พอสมควร โดยตอนนี้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีโค้ชชั่วคราวอย่าง ราล์ฟ รังนิค เข้ามาคุมทีม แต่ก็แค่ถึงเดือนมิถุนายนนี้เท่านั้น

ผลงานล่าสุดของพวกเขาคือชัยชนะ 1-0 ในบอลถ้วยเอฟเอ คัพ รอบที่สามในบ้านที่พวกเขาได้สู้กับ แอสตัน วิลล่า ซึ่งเป็นเกมที่ วิลล่า อันเป็นทีมเยือนนั้นเล่นบอลได้เหนือกว่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แบบชัดเจน เมื่อถูกถามเกี่ยวกับคอนเต้ ที่ย้ายไปคุมทีม สเปอร์ส เมื่อช่วงต้นฤดูกาลนี้ สโคลส์บอกกับเดอะ ซันว่า: “บางคนบอกว่า เขาไม่เหมาะกับยูไนเต็ด แต่คุณได้เห็นสิ่งที่เขาทำที่ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ส ทำทีมที่มีคุณภาพดรอปกว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มั้ยล่ะครับ เขาทำได้ดีมากเลยนะ ดีกว่ายูไนเต็ดมาก”

“เขาอาจจะเป็นคนที่พาทีม สเปอร์ส กลับมาท้าทายพื้นที่ท็อปโฟร์ได้เลยนะ และยูไนเต็ดพลาดแล้วที่ไม่ได้ตัวเขามา พวกเขาอาจจะกลับมาพิจารณาเอาตัวของ คอนเต้มาจากท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ส ก็ได้เช่นกัน และแฟน ๆ ของท็อตแน่มจะไม่ชอบในสิ่งที่ผมพูดออกไปแบบนั้นแน่คอนเต้มีแพสชั่นที่ชัดเจน มีพาวเวอร์ เขาเป็นคนเข้มงวด และนักเตะทุกคนก็เชื่อฟังเขา สู้ตายถวายหัวเลยทีเดียว ลองถ้าเขามาคุมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในตอนนี้สิครับ รับรองเลยว่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะบินฉิวแน่นอน แต่มันก็ยังไม่เกิดขึ้น”

พอล สโคลส์ ตำนานจอมทัพแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ออกโรงกระตุ้นและท้าทายให้ เมสัน กรีนวู้ด กองหน้าดาวรุ่งของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเค้นศักยภาพของตัวเองด้วยการยึดตำแหน่งศูนย์หน้าตัวจริงในทีมของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ให้ได้กรีนวู้ด ซึ่งสามารถเล่นได้ทั้งในตำแหน่งปีกและหน้าต่ำ ในเวลานี้เขาได้เริ่มต้นลงเล่นในบทบาทกองหน้าหมายเลข 9 ในเกมยูโรป้าลีกรอบก่อนรองชนะเลิศ ที่พวกเขามีชัยชนะเหนือกรานาด้าเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาด้วยสกอร์ 2-0

และด้วยความที่ อ็องตัวนี่ มาร์กซิยาล กองหน้ากึ่งปีกที่เอาเสื้อเบอร์ 9 ไปใส่ และตัวของเอดินสัน คาวานี่ หน้าเป้าธรรมชาติที่ดันได้ใส่เบอร์ 7 กลับต้องมาดิ้นรนอย่างหนักกับการที่พวกเขาต้องหาทางเอาชนะอาการบาดเจ็บให้ได้ มันเลยทำให้ สโคลส์ คิดว่า กรีนวู้ด มีความสามารถที่จะเล่นในบทบาทกองหน้าตัวเป้าได้ และอาจจะทำได้ดีกว่าที่คิดสโคลส์บอกกับ BT Sport ไปว่า

“เขาเป็นผู้เล่นที่ยอดเยี่ยม แต่ยังเด็กมากด้วย ดังนั้นเขาจึงอาจจะมีฟอร์มการเล่นที่ไม่คงเส้นคงวาในบางครั้ง มันก็เป็นอีกครั้งนะครับที่กองหน้าของยูไนเต็ดบาดเจ็บหนักกันและแน่นอนว่าตอนรี้ในทีมเหลือนักเตะหมายเลข 9 แค่คนเดียวคือคาวานี่เห็นได้ชัดว่ากับคาวานี่มีประสบการณ์มากกว่า แต่เขาแก่ไปหน่อยผมมองว่าเมสันเป็นนักเตะที่เล่นในบทบาทหมายเลข 9 ที่ดีนะ แต่เขาโดนจับไปเล่นด้านกว้างมากไปจนเสียของ ในอีกไม่กี่เกมข้างหน้านี้ ถ้าเขามีโอกาสลงเล่น ผมอยากที่จะเห็นเขาลงเล่นในตำแหน่งหมายเลข 9 มันดูเป็นตัวเองมากกว่า”

พอล สโคลส์ ตำนานมิดฟิลด์เท้าหนักผู้ยิ่งใหญ่ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้กล่าวว่าพวกเขา (ยูไนเต็ด) ควรพยายามเน้นไปที่การกระชากตัวของ เอร์ลิง ฮาลันด์ กองหน้าตัวเป้าของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ มาเล่นกับทีมมากกว่าจะเอาแต่สนใจ แฮร์รี่ เคน กองหน้าของท็อตแนมสโคลส์ยอมรับว่า เขาอยากให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทุ่มเงินเต็มที่เพื่อเอาตัว ฮาลันด์ ดาวยิงจอมนั่งสมาธิมาเล่นกับทีมมากกว่าจะไปสนใจ เคน ในช่วงซัมเมอร์นี้ เพราะเนื่องจากว่า ฮาลันด์ กำลังอยู่ใน ‘ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในอาชีพของเขา’

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กำลังอยู่ในช่วงระหว่างการตามล่าหากองหน้าหมายเลข 9 คนใหม่ในช่วงซัมเมอร์นี้โดยที่ เอดินสัน คาวานี่ กองหน้าทีมชาติอุรุกวัย ก็โดนมองว่าเขามีแนวโน้มที่จะย้ายออกจากถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เมื่อสัญญาของเขาหมดลงเมื่อถึงช่วงสิ้นสุดฤดูกาลนี้เมื่อได้มีโอกาสให้สัมภาษณ์กับ เว็บบี้ & โอนีล สโคลส์ก็ได้กล่าวว่า “ผมคิดว่าการค้นหากองหน้าตัวเป้าที่พวกเขากำลังวางแผนอยู่นั้น มันก็ดีมาก แต่คนใดคนหนึ่งที่พวกเขาจะต้องเลือกมาสวมบทบาทเป็นหมายเลข 9 จริงๆนั้น ผมว่าพวกเขาน่าจะดูออกนะ ไม่ใช่ว่าไปเน้นแต่ผู้เล่นที่เล่นปีก แล้วเอามาเล่นเป็นเบอร์ 9”

“ตอนที่คาวานี่ลงเล่น เขาดูดีมากนะ แต่เขาได้รับบาดเจ็บบ่อยไป แถมเขาอายุเท่านี้แล้วด้วย มันไม่คุ้ม และอาการบาดเจ็บมันก็จะเกิดขึ้นได้เสมอพวกเขาต้องการใครสักคนที่สามารถเป็นกำลังสำคัญให้ทีมแบบถาวรได้ดีกว่านี้ ผมรู้ว่าฮาลันด์ถูกพูดถึงมากมาย แต่การจะได้เขามา มันจะต้องเสียเงินเป็นจำนวนมาก แต่มันก็ดีกว่า แฮร์รี่ เคน”

พอล สโคลส์ ตำนานกองกลางของสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ออกมายกย่องฝีเท้าของ บรูโน่ เฟอร์นานเดส เพลย์เมกเกอร์เบอร์ 18 ของทีมอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ได้กลายเป็นเหยื่อในการทำประตูและแอสซิสต์ให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาแม้ว่ามันจะมีเกมที่ บรูโน่ ค่อนข้างจะเงียบๆ ไม่ค่อยมีจังหวะวูบวาบให้เห็นเท่าไหร่ แต่ว่าเขาก็ยังคงรักษามาตรฐานในการเล่นที่สูงส่งได้อยู่เช่นเดิม โดยเฉพาะในแง่ของการทำประตูเองและแอสซิสต์

บรูโน่ เฟอร์นานเดส สามารถทำประตูได้ในเกมนี้ 1 ประตูจากจุดโทษ และรวมถึงยังทำแอสซิสต์ได้แบบบังเอิญๆให้กับ ดาเนียล เจมส์ ได้ยิงประตูด้วย และมันก็ช่วยให้ทีมของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา สามารถเชือดทีมของ สตีฟ บรูซ ได้สำเร็จ จากการเก็บ 3 แต้มได้ในเกมนี้ มันก็ช่วยให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พาตัวเองกลับมาอยู่ในพื้นที่อันดับสองในลีก

“ทีมยูไนเต็ดมีความคืบหน้ามากขึ้นอย่างแน่นอน และทางตัวของ โอเล่ ก็สามารถจูนทีมให้สามารถเล่นเกมรุกได้ดีอย่างแท้จริงเลยทีเดียว และ บรูโน่ เฟอร์นานเดส ก็ยังเป็นนักเตะที่สามารถสร้างความแตกต่างได้ดี เขาเป็นนักเตะที่ยิ่งใหญ่มีเพียงแค่ โม ซาลาห์ เท่านั้นที่ทำประตูได้มากกว่าเขาในฤดูกาลนี้ อิทธิพลที่เขามีต่อทีมนี้เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมากนะครับ แมนเชสเตยูไนเต็ด ในช่วงก่อนที่เขาจะย้ายมา ไม่สามารถสร้างโอกาสในการลุ้นประตูได้มากมายแบบนี้ อัตราการทำประตูก็ต่ำเตี้ยเรี่ยดินเขาอาจจะไม่ได้วูบวาบอะไรมากนักในเกมกับนิวคาสเซิล แต่เขามียิงกับแอสซิสต์ได้นะ” อดีตกองกลางกล่าวกับ BT Sport

พอล สโคลส์ ตำนานจอมทัพของทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้เชื่อว่าตัวของ บรูโน่ เฟอร์นานเดส เป็นกองกลางที่มีความแตกต่างกันในเรื่อง “สไตล์บอล” เป็นอย่างมากถ้าเทียบกับ สโคลส์สโคลส์เป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีจากการยิงประตูสวยๆ และการวางบอลยาวที่แม่นยำอย่างน่าประทับใจ มาตลอดในช่วงที่เขาเล่นให้กับยูไนเต็ดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ความสามารถของกองกลางชาวอังกฤษในเรื่องการควบคุมเกมจากแดนกลางก็ไม่เป็นรองใครเช่นกันในยุคที่เขายังโลดแล่นกับสโมสร แต่เมื่อโดนถามว่า เฟอร์นานเดส มีความคล้ายกับตัวเองบ้างไหม สโคลส์ ก็ได้บอกกับ MUTV ไปว่า

“ไม่นะครับ เขาแตกต่างกับผม ผมเคยเล่นในตำแหน่ง [หมายเลข 10] แบบเขามาแค่ระยะหนึ่งเท่านั้น แต่ผมไม่เคยสร้างสรรค์เกมหรือทำประตูได้มากเท่าที่เขาทำได้ในตำแหน่งหมายเลข 10 เห็นได้ชัดว่าผมเล่นในบทบาทกองกลางที่ยืนลึกกว่าเขา แต่คุณต้องดูตัวเลขด้านสถิติของเขาด้วยนะ และสิ่งที่เขาทำนั้นเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้น เราแค่ต้องมีนักเตะความสามารสูงอยู่รอบตัวเขาด้วย เพื่ที่จะทำให้เขาสามารถผลักดันทีมเพื่อคว้าแชมป์ลีกได้”

“เราพึ่งพาเขามากเกินไปหรือเปล่า ก็ไม่นะ ผมไม่คิดอย่างนั้นเลย นั่นคือบทบาทของเขาในทีม คุณต้องจำไว้ว่ายูไนเต็ดจ่ายเงินจำนวนมากไปแค่ไหนเพื่อเอาผู้เล่นประเภทนี้มาอยู่กับทีม เขาเป็นผู้เล่นที่มีหน้าที่สร้างจังหวะในการยิงประตูและทำประตูด้วยตัวเอง ตอนนี้เขาทำได้ดีกว่าที่เราเคยคิดไว้อีก”

พอล สโคลส์ ตำนานจอมทัพผู้ยิ่งใหญ่ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้กล่าวว่าการเสมอ 3-3 กับเอฟเวอร์ตัน ถือเป็นการเจอกับปัญหาครั้งสำคัญที่พวกเขาจะเป็นต้องแก้ นั่นคือเกมรับและสมาธิของทีมที่ยังไม่ดีพอทีมของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ได้พลาดโอกาสในการทำแต้มแซงหน้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กลับไปเป็นจ่าฝูงหลังจากที่พวกเขาเจอทีเด็ดของ โดมินิก คัลเวิร์ต-เลวิน กองหน้าทีมชาติอังกฤษของเอฟเวอร์ตัน ทำประตูตีเสมอ 3-3 ได้ในนาทีที่ 95 สโคลส์ ได้กล่าวกับ Premier League Productions หลังการแข่งขันไปว่า

“นั่นเป็นเรื่องใหญ่มากเลยนะ เพราะถ้าคุณยังพยายามจะมีความหวังในการคว้าตำแหน่งแชมป์ พวกเขาก็ต้องรีบแก้ปัญหาในทีมให้ได้ นั่นคือเรื่องการเล่นเกมรับ การยืนตำแหน่ง การมีสมาธิในช่วงเวลาสำคัญๆมันเป็นเรื่องใหญ่สำหรับพวกเขามาก แน่นอนว่ามันเป็นอย่างนั้นสำหรับทุกทีม ผมรู้สึกว่า ปอล ป็อกบา หายไปจากเกมเลย ทั้งๆที่มันเป็นช่วงเวลาสำคัญในเกมด้วย ผมคิดว่าพวกเขายังไม่สามารถควบคุมการแข่งขันได้อย่างสมบูรณ์เท่าไหร่”

“และนอกจากนี้ เฟร็ด ก็ทำให้ทีมสูญเสียการควบคุมเกมกลางสนามด้วย เขาหลุดฟอร์ม[อังเดร] โกเมส , ดูคูเร และ [ทอม] เดวีส์ เริ่มคุมเกมได้มากขึ้นอย่างแท้จริง และนั่นว่าเป็นช่วงเวลาที่พลาดจังๆของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดต่อจากนี้ผมคิดว่ามันจะยาก แต่พวกเขาต้องเดินหน้าสู้ต่อไป พวกเขาต้องต่อสู้ต่อไป พวกเขาต้องเชื่อมั่นต่อไปพวกเขาทิ้งแต้มในเกมสบายๆไปเยอะแล้ว พวกเขาจะช้าไม่ได้แล้ว”

พอล สโคลส์ ตำนานกองกลางเท้าหนักของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้กล่าวว่าเขาต้องการเห็น ดอนนี่ ฟาน เดอ บีค ลงเล่นมากขึ้นกว่านี้ และได้ลงเล่นในตำแหน่งกองกลางที่ถอยลงต่ำไปเล่นในแนวลึกขึ้นกองกลางชาวดัตช์ ถูกดันขึ้นไปเล่นเป็นกองหน้าตัวที่สอง (หน้าต่ำ) ทั้งในการเล่นให้กับทีมชาติและในการเล่นให้กับสโมสร อาแจ็กซ์ ในช่วงสุดท้าย

แต่เมื่อ ฟาน เดอ บีค ได้ลงเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์หมายเลข 6 ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เขาต้องลงต่ำมาเล่นในแนวลึกกว่าเดิมนั้น เขาก็สามารถสร้างความประทับใจให้กับยูไนเต็ดได้ เขาทำผลงานได้ยอดเยี่ยมในเกมกับ อิสตันบูล บาซัคเซเฮียร์ ในการแข่งขัน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ด้วยการเอาชนะไป 4-1เมื่อถามถึงตำแหน่งที่ดีที่สุดของ ฟาน เดอ บีค ตัวของ สโคลส์ ก็ได้กล่าวทาง BT Sport ไปว่า

“มันเป็นคำถามที่ดีนะครับ คุณต้องยอมรับแล้วล่ะว่าตำแหน่งที่เขาเล่นในคืนนี้คือตำแหน่งที่ดีที่สุดของเขาเลยล่ะผมคิดว่าเขาดีพอสำหรับเรื่องนั้น [การเล่นเกมรับ] เขาเคลื่อนไหวได้ดี ตั้งรับได้ดี อ่านเกมขาด ผมคิดว่าเขาจะเต็มใจที่จะพยายามทำอย่างนั้นด้วยเช่นกันผมไม่ได้เห็นกองกลางที่เล่นไครบเครื่องแบบเขามานานแล้วเช่นกันนะครับเขาอาจะจะไม่ใช่กองกลางตัวรับระดับคุณภาพ แต่คุณภาพที่เขาสร้างความสมดุลในแดนกลางนี่แหละคือของจริง คุณภาพที่เขาจะนำมาสู่ทีมคือการเชื่อมเกมระหว่างแนวรับและแนวรุก ผู้เล่นกองหน้าจะได้รับประโยชน์จากเขาซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ”

ในอดีตนั้น มีเรื่องราวของนักฟุตบอลหลายคนที่เคยผ่านการแขวนสตั๊ดไปแล้ว แต่สุดท้ายก็ทนกลิ่นอายลูกหนังไม่ไหว และได้กลับมาสวมสตั๊ดลงเล่นบนฟลอหญ้าอีกครั้งหนึ่งมันมีอยู่หลายปัจจัยที่ทำให้พวกเขาเหล่านั้นกลับมาลงเล่นอีกครั้ง ทั้งๆที่พวกเขาเคยประกาศเลิกเล่นบอลอาชีพไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการทนกลิ่นยั่วยวนในการเล่นฟุตบอลไม่ไหว หรือไม่ก็อาจจะเป็นในเรื่องที่ทีมที่พวกเขารัก กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงแต่โดยรวมนั้น สิ่งที่ทำให้พวกเขาตัดสินใจกลับมาลงเล่นฟุตบอลอีกครั้ง มันจะหนีไม่พ้นกับคำว่า “คิดถึงฟุตบอล” ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเขารักและทำมาตลอดครึ่งค่อนชีวิตแล้วมันมีนักเตะคนไหนบ้างที่เคยผ่านการเลิกเล่นบอลอาชีพไปแล้ว แต่ก็ได้กลับมาลงเล่นบอลอาชีพเป็นรอบที่ 2 … มาชมกัน !

ซิโก้ (บราซิล)

ตำนานเพลย์เมกเกอร์หมายเลข 10 แห่งทีมชาติบราซิลชุดคว้าอันดับ 3 ฟุตบอลโลก 1978 เขาคือผู้ที่ก้าวขึ้นมาสานต่อตำนานเสื้อหมายเข 10 แห่งทีมชาติบราซิลต่อจากรุ่นของ ริเวลิโน่ และ เปเล่ เขาเคยประกาศแขวนสตั๊ดไปในปี 1989 เพื่อที่จะได้ก้าวขึ้นมาเป็นรัฐมนตรกระทรวงกีฬาของประเทศบราซิล แต่ทว่าเขานั้นกลับทนกลิ่นอายของวงการลูกหนังไม่ไหว โดยเขาได้รับทราบถึงข่าวที่ว่า ประเทศญี่ปุ่นใกล้ที่จะก่อตั้งลีกฟุตบอลอาชีพอย่างเป็นทางการในช่วงต้นยุค 90 เขาจึงได้ตัดสินใจที่จะเดินทางสู่ประเทศบราซิล และได้เซ็นสัญญากับสโมสร คาชิม่า แอนท์เลอร์สแม้จะอยู่ในวัยดึก แต่ซิโก้ก็ยังทำสถิติยิง 11 ประตูจากการลงเล่นไป 10 เกมแรก แถมยังเป็นการยิงประตูอย่างต่อเนื่องทั้ง 10 เกมอีกด้วย

โซคราเตส (บราซิล)

ตำนานกองกลางทีมชาติบราซิลผู้ล่วงลับ ครั้งหนึ่งเขาเคยแขวนสตั๊ดเพื่อไปทำงานด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ จนได้ฉายาว่า “เดอะ ด็อกเตอร์”ไม่มีใครเถียงแน่นอนว่า โซคราเตส เป็นนักเตะที่ไม่ดี เขามีเทคนิคที่เหลือล้น จัดจ้านทั้งการเลี้ยงบอล ผ่านบอล และยิงประตู แต่ว่าด้วยความที่เขาแขวนสตั๊ดไปนานหลายสิบปี มันคงจะเป็นไปได้ยากที่จะเห็นตำนานมิดฟิลด์ตัวรุกรายนี้กลับมาลงสนามอีกสักครั้งแต่ทว่าในปี 2004 แฟนบอลก็ต้องอึ้งเมื่อตัวของ โซคราเตส ได้เซ็นสัญญากับสโมสร “กราฟอร์ธทาวน์” อันเป็นทีมระดับลีกล่างของประเทศอังกฤษ ซึ่งในเวลานั้น โซคราเตส อยู่ในวัย 50 ปีแล้ว โดยเขาได้สวมเสื้อหมายเลข 6 ลงเล่นให้กับทีมและไม่พอในเกมที่ได้ลงสนามนัดแรก เจ้าตัวที่ต้องใส่เสื้อกันหนาวลงเล่นในเขตหนาว ก็ได้ทดลองตะบันประตูระยะไกลสุดคม แต่ว่าก็ยังโดนป้องกันประตูไว้ได้อย่างน่าเสียดาย

มาร์ค โอเวอร์มาร์ส (ฮอลแลนด์)

ตำนานปีกจรวดของ อาร์เซนอล และอาแจ็กซ์ ใครๆก็รู้ว่าในสมัยที่เขาเล่นนั้น เขาเป็นปีกที่จัดจ้านขนาดไหน เขาถนัดสองเท้าและชอบเล่นทางฝั่งซ้าย อาศัยการเลี้ยงบอลด้วยความเร็วสูง และจากนั้นก็ลากตัดเข้าในเพื่อทำประตูหรือเปิดให้เพื่อนกระซวกแม้ว่าจะมีอาการบาดเจ็บรุมเร้าตลอดเวลาจนมันทำให้ช่วงเวลาท้ายๆของอาชีพค้าแข้งของเขานั้น ไม่ประสบความสำเร็จเท่าไหร่ และได้แขวนสตั๊ดไปในปี 2004 กับบาร์เซโลนา แต่ก็เท่านั้น เพราะเจ้าตัวเหมือนแค่พักเครื่องชั่วคราวเท่านั้น …ผ่านกาลเวลาไป 4 ปี ในปี 2008 โอเวอร์มาร์ส ได้เซ็นสัญญากับสโมสร โก อะเฮด อีเกิ้ลส์ อันเป็นทีมเล็กๆในลีกฮอลแลนด์ และเขาก็ยัไว้ลายในการเป็นอดีตปีกระดับโลกไว้ได้บ้าง แต่น่าเสียดายที่เขาเล่นให้กับทีมดังกล่าวไม่นาน ก็เลิกเล่นอย่างถาวร

พอล สโคลส์ (อังกฤษ)

เดิมทีนั้น สโคลส์ เคยแขวนสตั๊ดไปแล้วครั้งหนึ่งในปี 2011 หลังจากที่พวกเขาทำได้แค่คว้ารองแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก โดยเขาประกาศเลิกเล่นพร้อมกับ เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ ผู้รักษาประตูชาวดัตช์แต่ก็เช่นเดียวกับ โอเวอร์มาร์ส ในหัวข้อบน เพราะเขาแค่ดับเครื่องชั่วคราว ในอีก 1 ปีต่อมานั้น เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน รู้สึกได้ว่าทีมของเขาตั้งแต่ไม่มี สโคลส์ ลงเล่นให้กับทีมนั้นมันเหมือนมิดฟิลด์จะดูโหว่ๆไป เขาจึงไปทาบให้ สโคลส์กลับมาช่วยลงเล่นให้กับทีมอีกครั้ง แล้วเขาก็ช่วยทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 2012-13 ได้เป็นการส่งท้าย และได้เลิกเล่นอย่างถาวรไปในที่สุด

พอล สโคลส์ ตำนานจอมทัพของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ยอมรับว่าเขาเคยคิดที่จะย้ายไปเล่นให้กับ เอฟเวอร์ตัน เมื่อเขาคัมแบ๊กกลับมาสวมสตั๊ดลงเล่นบอลอาชีพอีกครั้งเป็นช่วงสั้นๆสโคลส์ เคยประกาศเลิกเล่นบอลอาชีพเป็นครั้งแรกในปี 2011 ก่อนที่จะสร้างความตกตะลึงให้กับโลกฟุตบอลอีกครั้งด้วยการกลับมาเล่นบอลอาชีพครั้งที่ 2 ในปี 2012 เพื่อนำยูไนเต็ดขึ้นสู่ตำแหน่งแชมป์พรีเมียร์ลีกในช่วงปลายฤดูกาลอดีตกองกลางเท้าหนักรายนี้ ได้ยอมรับว่าเขาต้องการเล่นบอลอาชีพอีกครั้ง แต่ก็ได้บอกกับสื่อว่า เขากำลังจะพิจารณาย้ายไปเล่นให้กับ เอฟเวอร์ตัน ถ้าหากว่า เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ไม่ตัดสินใจพาเขากลับมาที่ยูไนเต็ดอีกครั้ง

“ผมกลับมาในเดือนกันยายน และได้ลงซ้อมกับทีมชุด U23 และผมก็ฝึกซ้อมทุกวัน ผมรู้สึกฟิตเหมือนที่เคยทำมาหลังจากหยุดค้าแข้งไปสี่เดือน – มันเป็นแค่ช่วงพักผ่อนที่ผมต้องการ และตอนผมก็ได้บอกกับ จอยซ์ (ภรรเมียของ สโคลส์) ว่าผมอยากเล่นบอลอาชีพอีกครั้ง – ผมแค่อยากเล่น” สโคลส์กล่าวกับ DAZN

“ผมจะไปอยู่ที่ไหนผมไม่สน ผมไม่ได้คาดหวังว่ายูไนเต็ดจะต้องการผมกลับมา ผมได้คุยกับ ฟิล เนวิลล์ และเขาก็พูดว่า งั้นนายก็มาเล่นให้เอฟเวอร์ตันสิวะ ผมไม่เคยอยากเล่นให้กับทีมอื่นหรือมีส่วนร่วมกับสโมสรอื่นเลย แต่ถ้านั่นเป็นทางเลือกเดียวที่ผมมี ผมก็คงทำไปแล้ว ผมก็ไม่รู้หรอกว่าสุดท้ายนั้นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะอยากได้ผมกลับมาเล่นกับทีม มันสำเร็จหลังจากที่ท่านเซอร์ชวนผมเอง”

พอล สโคลส์ ตำนานมิดฟิลด์หัวแดงของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ตัดสินใจออกมาแซะ เฟร็ด และ สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ 2 กองกลางตัวรับคนปัจจุบันของทีมที่เล่นผิดฟอร์มในเกมล่าสุดสโคลส์ มีชื่อเสียงในเรื่องการเป็นมิดฟิลด์ตัวคุมเกมจากกลางสนาม และในขณะเดียวกัน เขาเองก็ทำประตูให้กับยูไนเต็ดได้เป็นกอบเป็นกำในฐานะมิดฟิลด์อีกด้วย แม็คโทมิเนย์ และ เฟร็ดแสดงผลงานได้ไม่ดี ในขณะที่ อาร์เซนอล สามารถเล่นได้อย่างเนียนตา พวกเขาครองพื้นที่กลางสนามได้อย่างหมดจด และยังครองบอลได้มากกว่าทางแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก่อนที่จะเผาโอลด์ แทรฟฟอร์ด เกรียมด้วยการคว้าชัยชนะ 1-0 จากการยิงจุดโทษของ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมอยอง กองหน้ากัปตันทีม

“มันน่าสังเวช มันไม่เหมือนกับสมัยที่ผมเคยเล่นให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด เลยนะครับ ผมรับไม่ไหวจริงๆคุณต้องให้เครดิตอาร์เซนอล พวกเขาเล่นได้ดีมาก แต่ในทางกลับกันคุณก็ต้องคาดหวังมากขึ้นจากยูไนเต็ดด้วย และแน่นอนว่าผมผิดหวังกับผู้เล่นในตำแหน่งกองกลางของยูไนเต็ด ซึ่งมีอยู่ 2 คนที่ผลงานดรอปมากแม็คโทมิเนย์ กับ เฟร็ด อาการน่าเป็นห่วงผมอยากจะบอกว่าในช่วงพักครึ่ง ถ้าคุณหวังจะสามารถสร้างผลงานที่ดี คุณควรจะมีนักเตะตัวคุมเกมตรงกลางสนามที่เล่นบอลฉลาด และมีอีกคนที่เล่นบอลเป็นตัวสร้างสรรค์เกม ซึ่งสองคนนี้ไม่ใช่ ทั้งสองคนเล่นเป็นเซ็นเตอร์ฮาล์ฟยังจะดีซะกว่าเอาตัวมาเล่นเป็นมิดฟิลด์” สโคลส์ ได้บอกกับ โปรดักชั่น พรีเมียร์ลีก

พอล สโคลส์ ตำนานกองกลางดินระเบิดของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกโรงแซะ อเล็กซิส ซานเชซ อดีตปีกของทีมอย่างไม่ไว้หน้า หลังจากที่ตัวของปีกรายนี้ได้ย้ายไปเล่นให้กับ อินเตอร์มิลานอย่างถาวรแล้วอินเตอร์ ได้แถลงการณ์ไปเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่า พวกเขาสามารถเซ็นสัญญากับ อเล็กซิส ให้ร่วมทีมอย่างถาวรด้วยการเซ็นสัญญาแบบฟรีค่าตัว หลังจากที่นักเตะเกมรุกรายนี้ได้ย้ายมาเข้าร่วมทีม อินเตอร์ ด้วยสัญญายืมตัวก่อนในช่วงแรกเมื่อต้นฤดูกาล หลังจากที่เขาไปพบเจอกับฝันร้ายที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด นานถึง 1 ปีครึ่งและเมื่อมีการยกเลิกสัญญาและย้ายซบอินเตอร์ถาวร มันเลยทำให้ สโคลส์ ออกมาจวกถึงการกระทำของปีกรายนี้ที่กินเงินค่าเหนื่อยของยูไนเต็ดมากกว่าใคร แต่ไม่ค่อยมีประโยชน์กับทีม

“ยิ่งพวกเขาโละนักเตะแบบนี้ได้เร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี เขาช่างน่าผิดหวังจริงๆสำหรับแมนฯ ยูไนเต็ดเมื่อตอนที่ เซอร์ อเล็กซ์ [เฟอร์กูสัน] จากทีมไป มันก็เป็นช่วงเวลาที่ทีมเสียเวลาไปกับการหาผู้จัดการรายใหม่นานประมาณสี่หรือห้าปีได้ การสรรหาบุคลากรที่เหมาะสมเป็นเรื่องยาก และการหานักเตะที่เหมาะสมด้วยก็เช่นกัน” สโคลส์กล่าวกับ BT Sport

“เขาดูเป็นนักเตะโคตรรดีมากเลยนะ สมัยอยู่กับทีม อาร์เซนอล และรวมถึงตอนเขาเล่นให้กับสโมสรชั้นนำอย่าง บาร์เซโลนา ก็ด้วยเช่นกัน แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างที่เขาไม่สามารถระเบิดฟอร์มกับแมนฯ ยูไนเต็ดได้ มันน่าผิดหวัง ผมรู้สึกขอบคุณที่ โอเล่ เข้ามาช่วยอุ้มชูแมนฯ ยูไนเต็ดในตอนนี้ และการทำทีมของเขาเหมือนจะเป็นไปในทิศทางที่ถูกต้องจริงๆ”

พอล สโคลส์ ตำนานมิดฟิลด์แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้เชื่อว่าตัวของ ดิดิเยร์ เดส์ชองส์ กุนซือทีมชาติฝรั่งเศส ได้พูดสิ่งที่เกินจริงไปหน่อย โดยเฉพาะกับเรื่องที่ว่าการจะหยุด สโคลส์ ในการทำเกมบุกนั้นคงต้องเอาขีปนาวุธมาหยุดเขาเท่านั้น โดยเฉพาะในการแข่งขันแชมเปี้ยนส์ลีกนัดรองชนะเลิศในปี 1999เดส์ชองส์ และ สโคลส์ เคยได้เผชิญหน้ากันในสนามมาแล้วในการแข่งขันรอบรองชนะเลิศ UCL 1998-99 ซึ่งยูเวนตุสและแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้เจอกันในเกมนั้น

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สามารถเอาชนะยูเวนตุสด้วยสกอร์รวม 3-2 และเข้ารอบชิงชนะเลิศไปสู้กับ บาเยิร์น มิวนิค จนเกิดตำนานที่คัมป์นูในปี 1999 และตัวของ สโคลส์ ก็กล่าวว่าคำพูดของอดีตมิดฟิลด์ตัวรับกัปตันทีมชาติฝรั่งเศสที่กล่าวว่า มีแต่พวกเครื่องยิงจรวดเท่านั้นที่จะหยุด สโคลส์ ได้นั้นมันคือเรื่องตลก และไม่ใช่เรื่องน่าขำสำหรับเขาจริงๆ

“คุณแค่จัดการกับนักเตะให้ได้ก็พอ ไม่ใช่ว่าต้องเอาอาวุธร้ายแรงมาจัดการมันเป็นคำพูดที่เกินจริงไปนิด ผมก็แค่คนธรรมดาๆคนหนึ่งเท่านั้นนะในเกมนั้น ผมโดน เดส์ชองส์ ตามประกบตลอด และผมเจอกับสิ่งที่เรียกว่าการยากที่จะหนีจากการไล่เตะของเขาและแน่นอนว่าเขาเองก็มีลูกแอ๊คติ้งที่เยอะมาก ผมไมได้ทำอะไรเขาเลย แต่เขากลับลงไปนอนดิ้นกับพื้น และผมโดนแบนในการเล่นนัดชิงชนะเลิศ มันทำให้ผมแค้นและผมพลาดรอบชิงชนะเลิศ มันไม่ตลกหรอกนะต่อให้เขาชมผมแบบไหนก็ตามที” สโคลส์ได้กล่าวใน พอดแคสต์ ของ GOAL.com

บรูโน่ เฟอร์นันเดส กองกลางเพลย์เมกเกอร์ตัวเก่งของสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ดูเหมือนว่าจะเป็นที่รักของเพื่อนร่วมทีมเป็นอย่างมาก เมื่อเขาได้รับการยกย่องอย่างมากจากตัวของ เฟร็ด มิดฟิลด์ตัวรับเพื่อนร่วมทีมยูไนเต็ดที่กล่าวว่าเพราะการมาเล่นของ บรูโน่ เลยทำให้เขาสามารถเล่นตามบทบาทตัวปัดกวาดตามถนัดได้ง่ายขึ้นเฟอร์นันเดสก่อนหน้านี้ได้กล่าวว่า เขาอยากให้ เฟร็ด ลองเลียนแบบสไตล์การเล่นของ พอล สโคลส์ ตำนานมิดฟิลด์ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งมันน่าจะช่วยให้ เฟร็ด รีดศักยภาพที่ดีที่สุดของตัวเองออกมาได้

เฟร็ด ได้บอกกับ Esporte Interativo ไปว่า “เพราะการมาเล่นในทีมนี้ของเขา มันเลยทำให้ผมรีดศักยภาพของตัวเองออกมาได้ และก่อนเกมกับบรูจ์ ซึ่งผมยิงได้สองประตู มันก็เพราะว่าผมได้ปรึกษาอะไรหลายอย่างจากเขา คิดดูนะ ผมไม่เคยทำประตูได้เลยในฤดูกาลนี้ แต่ผมยิงได้ ตอนนั้นเราอยู่ที่โรงแรมเพื่อทานอาหารกลางวันก่อนเกม และทีวีที่นี่ชอบฉายเกมการแข่งขันนัดเก่า ๆ และพวกเขาก็เอาเทปการยิงของ สโคลส์ มาออกอากาศ เพียงเท่านั้นแหละ ผมก็รู้สึกชอบเขามาก เขาเป็นกองกลางที่แกร่งและเวลาอยู่ในกรอบเขตโทษ เขายิงได้เสมอ จะด้วยหัวหรือเท้าของเขา เขายิงได้ตลอดเวลา”

“ก่อนหน้านี้ผมเห็นเขาเล่นมาบ้าง แต่ผมไม่ได้ทำตามมากนัก ในบราซิลผมไม่สามารถดูเกมการแข่งขันของยูไนเต็ดได้ทั้งหมดทุกนัด แต่จากนั้นเมื่อผมเห็นเขายิง เขายิงได้ทั้งขวา , ซ้าย. และผมก็พูดว่า ‘ผู้ชายคนนี้ เราต้องเลียนแบบเขา และตอนนั้น ผมสบายใจในการเล่นมากขึ้นเพราะบรูโน่อยู่ในทีมแล้ว ผมมีเวลาคิดมากขึ้น ตอนนั้นบรูโน่ก็พูดกับผมว่า ‘เห็นมั้ย คุณต้องทำอย่างนั้น ยิงในเขตโทษเลย เราต้องได้ประตูแน่’ และจากนั้นผมก็ยิงสองประตูในเกมนั้น”

พอล สโคลส์ ตำนานมิดฟิลด์ของสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ออกมาพูดถึงช่วงเวลาสมัยที่ได้ลงเล่นบอลอาชีพ ว่าเขาเคยต่อสู้กับนักเตะรายหนึ่งที่เขาคิดว่ารับมือได้ยากที่สุดแล้วในชีวิตค้าแข้งของเขาในพรีเมียร์ลีก ตำนานนักเตะชาวอังกฤษ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาแล้ว 12 ครั้งในช่วงระยะเวลา 20 ปีกับ ยูไนเต็ด และเขาก็ได้พูดถึงคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวที่สุดในสายตาเขา และยังเป็นนักเตะที่ทำให้เขาและยูไนเต็ดมีปัญหามากมายเวลาต้องเผชิญหน้าด้วย

และนักเตะที่เขามองว่าเป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวมากที่สุดก็คือ ปาป้า บูบา ดิออพ อดีตดาวเตะของฟูแล่ม และ พอร์ทสมัธ “เมื่อผมเล่นตำแหน่งกองกลางตัวเชื่อมเกม ผมชอบที่จะพาตัวเองให้ดื่มด่ำไปกับเกมการเล่นที่ผมคิดว่า ‘มันจะช่วยให้ผมสามารถสัมผัสถึงความโรแมนติกในการเล่นได้ ผมอยากหาพื้นที่ในการจ่ายบอลหรือมองหาเพื่อนที่ทำให้ผมสามารถผ่านบอลไปรอบ ๆได้สโคลส์กล่าวผ่าน Social Media”

“จากนั้นคุณก็จะต้องหยุดคิด เพราะนักเตะที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับคุณนั้นดันเป็นนักเตะอย่าง ร็อบบี้ ซาเวจ เขาสร้างความรำคาญให้ผมได้มากที่สุดจริงๆ แน่นอนว่าเขาพยายามที่จะอัดคุณแบบให้ตายอย่างรวดเร็วเลย ผมไม่ต้องการเผชิญหน้าเขาบ่อย ผมอยากเล่นแบบผ่อนคลาย พาทริค วิเอรา ก็เป็นนักเตะที่น่าปวดหัวเวลาเจอกับเขานะ อ้อ มีอีกหนึ่งคนที่ผมไม่คิดว่าจะต้องเจอ ตอนนั้นผมได้ลงเล่นแล้วเจอกับพอร์ทสมัธ คุณจำ ปาป้า บูบา ดิออพ ได้ไหมล่ะครับ เขามีพรสวรรค์มากแล้วก็เล่นบอลหนักหน่วงจริงๆ”

บรูโน เฟร์นานเดส เพลย์เมกเกอร์ทีมชาติโปรตุเกสของสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้กล่าวว่าเขาชอบที่จะได้ดูสไตล์การเล่นของตำนานนักเตะยูไนเต็ดอย่าง พอล สโคลส์ และรวมถึง รอย คีน

เฟร์นานเดส สามารถสร้างผลกระทบเขิงบวกให้กับทีมได้อย่างรวดเร็ว นับตั้งแต่ที่เขาย้ายมาเข้าร่วมกับทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในเดือนมกราคมที่ผ่านมและเขากำลังถูกนำไปตัวไปเปรียบเทียบกับกองกลางในตำนานที่ยิ่งใหญ่ของทัพ “อสูรแดง” และเขาก็ได้บอกว่างานของเขามันคงจะง่ายขึ้นมากถ้าเขามีนักเตสไตล์เดียวกันกับสองตำนานจอมบู๊ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่คอยตั้งบอลให้กับเขาจากในแนวลึก

เมื่อโดนคำถามจากแฟนบอลว่า เขาชอบใครมากที่สุดในบรรดานักเตะของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตัวของ เฟร์นานเดส ก็ไม่สามารถเลือกได้ว่าใครดีกว่าใคร โดยเฉพาะ คีน หรือ สโคลส์เขาได้พูดว่า “นี่เป็นเรื่องยากจริงๆ ผมคิดว่ามันเป็นคำถามที่หาคำตอบได้ยากที่สุดเลยนะ จนถึงตอนนี้”

“ดังนั้นแล้ว ผมเลยไม่ทราบจริงๆว่าจะตอบยังไง ถ้าผมสามารถเล่นร่วมกับนักเตะที่คอยตั้งบอล ดักบอลอยู่ข้างหลังของผมได้ล่ะก็มันจะยอดเยี่ยม ผมอยากเล่นกับนักเตะแบบ รอย คีน เขาไล่บอลให้ และคอยฝากบอลขึ้นหน้าเสมอถ้าคุณดูสิ่งที่ รอย คีน สร้างผลงานให้กับทีม เขาเป็นผู้เล่นที่ยอดเยี่ยม ทุกทีมต้องการคนแบบเขา แล้วก็ยังมีนักเตะแบบ พอล สโคลส์ ด้วยอีกรายนะครับผมอยากที่จะเล่นกับพวกเขาจริงๆ และถ้าผมได้ร่วมงานกับนักเตะสไตล์แบบสองคนนี้ในทีมปัจจุบัน ผมจะดีใจมาก”

พอล สโคลส์ ตำนานจอมทัพดินระเบิดของสโมสร “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ยอมรับว่าการย้ายไปร่วมทีมอินเตอร์ มิลาน ยอดสโมสรแกร่งของกัลโช เซเรียอา มันก็เคยเป็นทางเลือกในช่วงอาชีพค้าแข้งของเขาเช่นกัน แต่ท้ายที่สุดนั้นเขาเองก็ได้เลือกจะเมินในการย้ายไปสู่เซเรียอา โดยให้เหตุผลว่าเขาอยู่ในทีมที่ดีอยู่แล้วนั่นเอง

แม้ว่าจะเคยได้รับข้อเสนอจาก อินเตอร์ มิลาน ในสมัยที่กัลโช เซเรียอา ยังเป็นลีกอันดับ 1 ของโลก แต่ว่าตัวของตำนานจอมทัพหัวแดงเพลิงของสโมสแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ได้ระบุว่าเขาไม่สนใจที่จะย้ายออกจากทีมซึ่งเขาคิดว่าดีที่สุดในโลกอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งมันก็จริงอย่างที่เขาว่า เพราะตลเวลาที่อยู่กับยูไนเต็ดนั้น สโคลส์ สัมผัสมาหมดแล้วทุกแชมป์เลยทีเดียว แถมยังได้แชมป์ยุโรปถึง 2 สมัยอีกเช่นกัน

“ผมไม่เคยรู้เลยว่ามีทีมใดบ้างที่ติดต่อเข้ามาหาผม” สโคลส์กล่าวถึงช่วงเวลาในสมัยค้าแข้งในการให้สัมภาษณ์กับ BBC Sportตอนนั้นผมโฟกัสในการเล่นให้กับ ยูไนเต็ด เพียงอย่างเดียวเท่านั้นจริงๆครับผมมีบ้างนะที่ได้รับโทรศัพท์ติดต่อจากเอเยนต์ตัวแทนของผม เขาเคยเป็นเอเยนต์ให้กับ ไบรอัน ร็อบสัน เขาเลยมาดูแลผลประโยชน์ให้กับผม”

“ตอนนั้นในขณะที่พวกเรากำลังอยู่ในช่วงทำศึกยูโร 2000 เขาโทรมาเพื่อถามผมว่าผมจะสนใจที่จะย้ายไป อินเตอร์ มิลานหรือไม่ แต่นั่นก็เป็นโทรศัพท์จากเอเยนต์ถึงเรื่องย้ายทีมเพียงครั้งเดียวผมไม่เคยได้ยินอะไรเลย หลังจากนั้นไม่มีอะไรเกิดขึ้น และผู้จัดการก็ไม่เคยพูดอะไรกับผมเลย”